รอยสตั๊ด : มหากาพย์ฟุตบอลไทย

รอยสตั๊ด : มหากาพย์ฟุตบอลไทย

ในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลเมืองไทย เคยมีเรื่องราวหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น

 ทั้งความทรงจำที่งดงาม และบางเรื่องที่ยากจะลืมเลือน 

หากกล่าวถึงการครองแชมป์ลูกหนังสูงสุดของบ้านเรา เคยมีปรากฎข้อกังขาเกิดขึ้นเช่นกัน จึงขอย้อนรอยสตั๊ด เพื่อเป็นกรณีศึกษา และบทเรียนสู่ความรุ่งเรืองวัฒนาสถาพร

เมื่อ 51 ปีก่อน ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ประเภท ก ครั้งที่ 32 ประจำปี พ.ศ. 2508 ใช้ระบบการแข่งขันแบบพบกันหมด โดยจะนำทีมที่มีคะแนนอันดับ 1 และอันดับ 2 เข้าชิงชนะเลิศ แต่ปรากฎเป็นข่าวว่าในแมทช์สุดท้ายของรอบเก็บคะแนน ทีมคะแนนนำอันดับ 1 แพ้ทีมคะแนนอันดับ 3 ด้วยสกอร์ที่หลายคนไม่คาดคิด 

สโมสรตำรวจ (คะแนนรวมอันดับ 2) จึงชนะเลิศถ้วยพระราชทาน ก ประจำปี พ.ศ. 2508 โดยไม่ต้องลงแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ เพราะคู่แข่งขัน คือสโมสรธนาคารกรุงเทพ ที่มีคะแนนรวมเป็นอันดับ 1 ประกาศ “ถอนทีม” หลังมีข่าวเล่นผิดฟอร์ม ในสมัยนั้น มี พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ยมนาค เป็นนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ

ต่อมา ในการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ครั้งที่ 4 ฤดูกาล 2542 อันเป็นยุคเริ่มต้นอีกครั้งของฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย โดยมีนายวิจิตร เกตุแก้ว เป็นนายกสมาคมฯ ในแมทช์สุดท้ายของฤดูกาลดังกล่าว มี 3 สโมสรที่มีคะแนนเท่ากัน เพื่อลุ้นแชมป์ คือ สโมสรการท่าเรือ สโมสรบีอีซี เทโรศาสน และสโมสรทหารอากาศ ตามลำดับ 

ประตูได้เสียของ “สิงห์เจ้าท่า” นั้นดีกว่าทุกทีมเป็นอย่างมาก ปรากฎว่า “ทีมจรวดทัพฟ้า” กลับเบียดเข้าวินไปด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า หลังถล่มเอาชนะคู่แข่งขัน 10-0 จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จนต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนสโมสรธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ ซึ่งขณะนั้นตกชั้นเป็นที่แน่นอนแล้ว แต่บทสรุป คือไม่มีความผิด ก่อน “ทีมสตางค์รู” จะยุบทีมในปีต่อมา

และเหตุการณ์ล่าสุด เมื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นนายกสมาคมฯ ได้เรียกประชุมสโมสรสมาชิก ก่อนมีมติ 17-1 ให้ยุติการแข่งขันฟุตบอลทุกรายการในความรับผิดชอบของสมาคมฟุตบอลฯ เพื่อเป็นการแสดงความไว้อาลัยแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทำให้ สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นทีมชนะเลิศฟุตบอลไทยลีก ครั้งที่ 20 ฤดูกาล 2559 โดยใช้เกณฑ์ตัดสินให้ทีมคะแนนนำอันดับ 1 ครองถ้วยพระราชทาน ก หลังจากอัญเชิญมาเป็นถ้วยชนะเลิศลีกสูงสุดของประเทศไทยอีกครั้งในรอบ 20 ปี

อดีต คือบทเรียนของอนาคต เพื่อนำมาพัฒนาและแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะไม่ว่าอย่างไร ชีวิตยังคงต้องเดินต่อไป สำหรับวงการฟุตบอลอาชีพของไทยก็ไม่ต่างจากนั้น