คำสอน 'ในหลวง ร.9' ในความทรงจำ..ครอบครัว 'พัวพิทย์ศิริกุล'

คำสอน 'ในหลวง ร.9' ในความทรงจำ..ครอบครัว 'พัวพิทย์ศิริกุล'

ครอบครัว" พัวพิทย์ศิริกุล" ยึดคำสอน "เสียสละ รัก และสามัคคี" ที่ในหลวงทรงตรัสสอนเมื่อครั้งเสด็จพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพิจิตร ว่า นางเยาวลักษณ์ พัวพิทย์ศิริกุล ในวัย 74 ปี ตำบลบ้านบุ่ง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เล่าถึงความทรงจำสูงสุดของชีวิต ที่ยังไม่มีวันลืม เมื่อครั้งมีโอการรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเสด็จโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง พร้อมกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ สนามโรงเรียนพิจิตรพิทยาคม เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2521 เวลาประมาณ 15.45 น. เพื่อเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่จังหวัดพิจิตร รวมทั้งพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้านรวม 61 รุ่น ซึ่งในครั้งนั้นนางเยาวลักษณ์ ได้มีโอกาสรับเสด็จอย่างใกล้ชิดในฐานะรองประธานลูกเสือชาวบ้านรุ่น“ภัทรมหาราช” 

“มิรู้ลืมพระราชทานกระแสพระราชดำรัสด้วยคำสามัญคล้ายพ่อสอนลูกขอให้ประชาชนมีความเสียสละ มีความรัก ความสามัคคี เพื่อความสงบสุขที่ยั่งยืน ผ่านไปเกือบ 40 ปี ครอบครัวยึดเป็นธงชัยของการดำเนินชีวิต ปัจจุบันมีฐานะที่มั่นคง ครอบครัวอบอุ่น บุตรชายต่อยอดคำสอนพ่อ ดำเนินธุรกิจขนาดเล็กผลิตน้ำดื่ม และเปิดร้านจำหน่ายสินค้าในตลาดเก่าวังกรดแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพิจิตร”นางเยาวลักษณ์ กล่าว

นางเยาวลักษณ์ เล่าถึงบรรยากาศการรับเสด็จมีประชาชนจำนวนมากต่างเดินทางมารับเสด็จ เพื่อชื่นชมพระบารมีแม้ว่าจะเดินทางมาลำบากเนื่องจากการเดินทางไม่สะดวกเหมือนในปัจจุบันแต่ก็มีประชาชนนับหมื่นคนเดินทางมารับเสด็จ กระแสพระราชดำรัสที่ทรงมอบให้ประชาชนที่มารับเสด็จจับใจความได้คือทรงให้มีความเสียสละความรัก ความสามัคคี เพราะสิ่งนี้จะทำให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง 

อย่างไรก็ดี ช่วงที่จำมิรู้ลืมคือช่วงที่เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดขณะนั้น นายปรีชา พัวพิทย์ศิริกุล สามีของตนเองซึ่งขณะนี้เสียชีวิตไปแล้วเป็นประธานลูกเสือชาวบ้านและตนเองเข้ารับพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้านจากพระหัตถ์ ทรงตรัสทักทายแบบคำพูดของสามัญชน สร้างความตื้นตันมิรู้ลืม

นายศราวุธ พัวพิทย์ศิริกุล บุตรชาย กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดก็เห็นบิดา มารดา ดำเนินชีวิตโดยยึดแนวพระราชดำริอยู่อย่างพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นหลักมาโดยตลอด ในฐานะพ่อค้าในชุมชน ไม่ทำกิจการเกินกำลังของครอบครัว ทำให้ครอบครัวของเรามีฐานะที่มั่นคง ปัจจุบันตนเองยังคงยึดแนวทางซึ่งนายปรีชา พัวพิทย์ศิริกุล บิดาของตนซึ่งเสียชีวิตมาใช้โดยตลอด ประกอบกิจการผลิตน้ำดื่มขนาดเล็ก และเปิดร้านจำหน่ายสินค้าในตลอดวังกรด ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพิจิตร มีชีวิตที่มั่นคงอยู่อย่างมีความสุข