ทำเกษตรปลดหนี้ด้วยคำสอนพ่อ รายได้เดือน5หมื่น เหลือเก็บ3หมื่น

ทำเกษตรปลดหนี้ด้วยคำสอนพ่อ รายได้เดือน5หมื่น เหลือเก็บ3หมื่น

เกษตรกรตัวอย่างชาวเผ่าไทโส้ เผยปลดหนี้ด้วยคำสอนของ "พ่อ" เผยรายได้เดือน5หมื่น เหลือเก็บ3หมื่น เพียง5ปีไม่มีหนี้ได้ทั้งหมด

เกษตรกรตัวอย่างชาวเผ่าไทโส้ เผยปลดหนี้ด้วยคำสอนของ "พ่อ" เผยรายได้เดือน5หมื่น เหลือเก็บ3หมื่น

การก้าวผ่านพ้นความลำบากแร้นแค้น ใช้คำสอนของ "ในหลวง" ด้วยการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอ เพียงเป็นเข็มทิศในการดำเนินชีวิต จนสามารถปลดหนี้สินได้หมด

นางบังอร ไชยเสนา วัย41ปี เกษตรกรตัวอย่างชาวเผ่าไทโส้ ของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสาน งานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร. เป็นวิทยากรบรรยายประสบการณ์ชีวิต ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในพระบรมโกศ ที่ชี้ทางให้ความสำเร็จต่ออาชีพเกษตรกร เพียง5ปี สามารถปลดหนี้สินได้หมด ด้วยการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอ เพียง ที่นางบังอร ใช้เป็นแนวทางดำเนินชีวิต สามารถผ่านพ้นวิกฤตและปัญหาต่างๆ

นางบังอร กล่าวว่า เมื่อ ปี2535 ในวัย 17 ปี จาก อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร หนีความแห้งแล้ง มาเสี่ยงโชคยัง ต.ฮางโฮง อ.เมือง จ.สกลนคร เริ่มต้นจากการเป็นแรงงานที่ฟาร์มเลี้ยงกบ ชีวิตอดมื้อกินมื้อ มองไม่เห็นอนาคต จนแต่งงานมีครอบครัว จากต้นทุนชีวิตที่ติดลบ แม้แต่เมล็ดผัก ก็ยังต้องไปหาเก็บตามไร่นาที่เจ้าของเขาเหลือเก็บ นำมาปลูกต่อเพื่อนำไปขาย จนพอมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง จึงตัดสินใจขอเช่าที่นาจากเพื่อนบ้าน นำความรู้จากการเพาะเลี้ยงกบ มาลงมือทำเอง ผ่านมากว่า10ปี แต่ชีวิตก็ยังลุ่มๆดอนๆ มีหนี้เพิ่มพูนขึ้นทุกปี

“ในปี 35 มีสิ่งแรงจูงใจให้เข้าไป ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ แม้จะเป็นคนสกลนคร แต่ไม่รู้จักศูนย์ที่เพราะทั้งชีวิตคิดเพียงแต่จะทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว เพื่อให้อยู่รอดไปวันต่อวัน แต่เมื่อได้เข้าไปศึกษาอบรม ความรู้ที่พรั่งพรูเข้ามา เหมือนเป็นแสงส่องชี้ทางสว่าง ด้วยหลักการทำการเกษตร ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ การทำเกษตรแบบผสมผสาน เมื่อกลับมาเหมือนชีวิตเริ่มมีความหวัง จึงเริ่มลงมือทำบนพื้นที่ 5 ไร่ ทำการขุดสระเก็บกักน้ำ พร้อมเลี้ยงปลาหมอ ปลาดุก ปลานิล ปลาตะเพียน มีการปลูกพืชระยะสั้น ปลูกดาวเรือง เพกา มะละกอ ผักบุ้ง มะนาว ชะอม มีการทำปฏิทินวงรอบการปลูกพืชให้สามารถมีผลผลิตออกขายตลอดปี ส่วนรายได้หลักมาจากการเพาะเลี้ยงกบ” นางบังอร กล่าว

ส่วนพื้นที่ว่างรอบสระน้ำปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเองในครัวเรือน เหลือกินแล้วขาย ทำให้มีรายได้จากการทำเกษตรผสมผสาน เดือนละ 50,000 บาท เหลือเก็บกว่า 30,000 บาท เพียง5ปี สามารถปลดหนี้ได้ทั้งหมด นำเงินที่เก็บไว้มาซื้อที่ดินเป็นของตนเอง และปัจจุบันมีรายได้ปีละ1.5ล้านบาท ชีวิตไม่มีหนี้สิน มีแต่ความสุขบนพื้นฐาน พอมี พออยู่ พอกิน พอใช้ และยังนำความรู้ และประสบการณ์ที่ได้ เป็นวิทยากรบรรยายตามสถานที่ต่างๆ

ทุกวันนี้สามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ยึดหลักเดินตามคำสอน ของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้เวลาเปลี่ยนวิถีชีวิตไม่กี่ปี สามารถปลดหนี้ มีบ้าน มีที่ดินเป็นของตัวเอง มีเงินเก็บ ไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อน และตอนนี้กำลังส่งลูกสาวเรียนต่อ ระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่1ม.เกษตร ศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร ทำให้เติมเต็ม ความฝันชีวิตของตนเอง ที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปรียบเสมือนพ่อที่ให้ชีวิตใหม่ แม้จะไม่เคยได้รับเสด็จพระองค์ท่าน ไม่เคยเห็นพระพักตร์พระองค์จริง แต่สิ่งที่พ่อทิ้งไว้ให้คือคำสอน เป็นมรดกที่ยิ่งใหญ่ เป็นเข็มทิศนำทางชีวิต โดยตนเอง ทุกวันนี้จะออกจากบ้าน ต้องก้มกราบภาพพระบรมฉายาลักษณ์ทุกครั้ง แม้วันนี้จะไม่มีพระองค์ท่านแล้ว ตนและครอบครัว จะขอตั้งปณิธาน ทำความดีเดินตามแนวทางของพ่อ และจะแบ่งปันความรู้ประสบการณ์ ให้กับคนอื่นๆ ตราบที่ยังมีลมหายใจ” นางบังอร กล่าว