Daily Market Outlook (11 ต.ค.59)

Daily Market Outlook (11 ต.ค.59)

เก็บของถูก

คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ ดีดกลับจากเมื่อวานที่ SET ร่วงแรงกว่า 3% โดยคาดนักลงทุนส่วนหนึ่งเข้าเก็บหุ้นที่ราคาร่วงลงมามาก จนมูลค่าน่าสนใจ ตลาดหุ้นไทยที่ระดับ SET index เมื่อวานมี PE 15.3x คาดการณ์กำไรโต 30% อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 3.5% สำหรับปี 2016 จากการคาดประมาณของ AWS ปัจจัยภายนอกประเทศเป็นบวก นักลงทุนเริ่มยอมรับการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นของ Fed ในเดือน ธ.ค. และลงความเห็นกันว่า Clinton น่าจะชนะเลือกตั้งซึ่งเป็นบวกต่อตลาดจากนโยบายที่เป็นกลางไม่สุดโต่งเมื่อเทียบกับ Trump ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นบวกต่อหุ้นพลังงาน ปัจจัยภายในประเทศก็เป็นบวก รองนายกสมคิดล่าสุดกล่าวว่าเศรษฐกิจไทยอาจขยายตัว 3.5% ปีนี้เท่ากับประมาณการของเรา กรอบการค้าไทยอิหร่านจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกของไทย


หุ้นเด่นวันนี้: AMATA (Bt11.60 NR; Bloomberg 2016TP Bt16.00)

เลือก AMATA เป็น Top Pick วันนี้ จากปัจจัยหนุนในการเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากนโยบายการลงทุนในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของภาครัฐบาล รวมมูลค่า 300,000 ล้านบาท เพื่อต่อยอดการลงทุนในพื้นที่สามจังหวัดอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา AMATA ดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี และ อมตะซิตี้ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง บริษัทตั้งเป้าจะขายที่ดินในแต่ละปีไว้ประมาณ 1,000 ไร่ แม้ปีที่แล้วขายได้ราว 800 ไร่แต่เราเชื่อว่าหลังจากรัฐบาลชูนโยบาย EEC คาดว่าจะทำให้ AMATA มีอัตราการเติบโตของการขายที่ดินเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2560 เป็นต้นไปนอกจากนี้ AMATA ถือหุ้นในบมจ. อมตะ วีเอ็น(AMATAV) ผ่านการถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมมากกว่า 70% โดย AMATAVมีธุรกิจพื้นที่พัฒนานิคมในเวียดนามซึ่งมีการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมในอัตราสูง Bloomberg Consensus ประเมิน EPS ปี 2559 ไว้ 0.94 บาท ลดลง 17% YoY แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 21% เป็น 1.14 บาทในปี 2560 ค่า PER เท่ากับ 12.3 เท่า และ 10.2 เท่าในปี 2559 และ 2560 ตามลำดับราคาเป้าหมาย 16.00 บาท เราเห็นว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาประกอบกับแนวโน้มทางเทคนิคยังคงดี เป็นโอกาสดีในการเข้าสะสมหุ้นรับกับ ThemeEEC มุมมองทางเทคนิค Price Pattern เข้าสู่แนวโน้มหลักที่เป็นขาขึ้น (Uptrend) ทั้งนี้เมื่อพิจารณา ความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะกลางแล้ว มีลุ้นที่จะกลับมาเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่จากการปิดตลาดในเดือนตุลาคมนี้ โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 14.80 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 17.30 บาท ซึ่ง AMATA มีจุด Stop Loss ระยะสั้นในรอบนี้อยู่ที่ 11.10 บาท (Resistance: 11.80, 12.10, 12.50; Support: 11.40, 11.10, 10.70)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• สมคิดชี้ปี 59 อาจเติบโตได้ถึง 3.5% โดยรองนายกฯ ระบุว่าจะอยู่ในช่วง 3.2-3.5% ปีนี้ ส่วนใหญ่ขับเคลื่อนโดยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและภาคท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง และรองนายกฯ ยังเชื่อว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังแข็งแรงและคาดไทยจะมีการลงทุนมากถึง 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับโครงสร้างพื้นฐานในช่วงห้าปีข้างหน้า (Bangkok Post) ความเห็น: เราเห็นว่าเศรษฐกิจน่าจะเติบโตต่อในช่วงที่เหลือของปีและคาดว่าสำหรับปี 59 น่าจะโตได้ 3.5% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของรัฐ

• ไทยจะเป็นศุนย์กลางในอาเซียน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวว่ารัฐบาลพร้อมที่จะส่งเสริมและผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางของอาเซียน หนุนจากศักยภาพทำเลที่ตั้งที่อยู่ศูนย์กลางภูมิภาค ในขณะเดียวกันก็จะเร่งโปรโมทประเทศไทยเพื่อดึงดูดความสนใจของนักลงทุนชาวจีนเพื่อเข้ามาลงทุนในไทย และเพื่อเป็นประตูก้าวสู่การลงทุนในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งเศรษฐกิจกำลังมีการขยายตัว (Bangkok Post)

• ไทยศึกษาข้อตกลงสิทธิพิเศษทางการค้าร่วมกับอิหร่าน ไทยและอิหร่านวานนี้มีความตกลงร่วมกันที่จะศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงสิทธิพิเศษทางการค้า (Preferential Trade Agreement-PTA) เพื่อเร่งเปิดตลาดสินค้าระหว่างกันและกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าให้มีเป้าหมายการค้าร่วมกันให้ถึง 3 พันล้านดอลลาร์ฯ ภายในปี 2564 โดยเบื้องต้นมีแผนจะตัดลดภาษีนำเข้าสินค้าราว 100 รายการ คาดว่าการศึกษาดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2560(Bangkok Post/The Nation)

• TU (ราคาปิด 20.70 บาท) เปิดเผยการเข้าซื้อกิจการใน Red Lobster สหรัฐอเมริกาและถือหุ้น100% ใน Class H shares ของ GGCOF RL Blocker, LLC โดยใช้เงินลงทุนรวม230 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 8,050 ล้านบาท ธุรกิจ Red Lobster ประกอบด้วยการธุรกิจเครือข่ายร้านอาหาร Red Lobster และธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ Red Lobster รวมถึงการให้สิทธิในการประกอบธุรกิจ (Franchise) ร้านอาหารในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาถึง ส.ค.59Red Lobster มียอดขายประมาณ 2,480 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 86,000 ล้านบาท EBITDA ประมาณ144 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (SET)ความเห็น: ดีลนี้ควรเป็นผลบวกต่อยอดขายของTU เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2563 อย่างไรก็ตาม EBITDA ยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับธุรกิจเดิมของTU เช้าวันนี้TU จะเปิดเผยวัตถุประสงค์ของการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้

ต่างประเทศ

• ปอนด์สเตอริงอ่อนค่าลงต่อเมื่อวันจันทร์ หลังเงินปอนด์ร่วงลงจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 31 ปีเมื่อวันศุกร์ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า “Flash Crash” หรือการดิ่งลงแบบสายฟ้าแลบ โดยนักลงทุนกังวลว่าอังกฤษจะต้องเผชิญกับขบวนการที่นำไปสู่ความยากลำบากในการออกจากสหภาพยุโรป ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเนื่องจากยังคงได้รับประโยชน์จากการคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ดอลลาร์สหรัฐปิดเพิ่มขึ้น 0.75% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 103.67 เยน หลังจากแตะที่ระดับสูงสุดในรอบวันที่ 103.78 เยน ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินยูโร ซึ่งล่าสุดปรับตัวลง 0.54% สู่ระดับ 1.1139 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)

• ตลาดซื้อขายพันธบัตรสหรัฐปิดทำการเมื่อวันจันทร์ เนื่องในวันโคลัมบัส (Reuters)

• ตลาดคาดว่ามีโอกาสถึง 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายในวันที่ 13-14 ธ.ค. นี้ เพิ่มขึ้นจาก 66% เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว จากข้อมูลของ CME Group’s FedWatch tool (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และราคาหุ้นบ.แอปเปิลที่ปรับตัวขึ้นจากวิกฤตที่เลวร้ายลงเกี่ยวกับการเรียกคืนสมาร์ทโฟนของซัมซุงที่เป็นคู่แข่ง นอกจากนี้ มีผลสำรวจว่านางคลินตันมีคะแนนนำในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งนางคลินตันถูกมองว่าเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นมากกว่าเนื่องจากเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีและวางตัวเป็นกลางเมื่อเทียบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งค่อนข้างสุดโต่ง (Reuters)

• นางฮิลลารี คลินตันมีคะแนนนำในการโต้วาทีรอบที่ 2 ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนบ่งชี้ว่านางฮิลลารีสามารถคว้าชัยชนะเหนือนายทรัมป์ในการหาเสียงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและในการโต้วาทีเมื่อวันอาทิตย์ ทั้งนี้จากโพลสำรวจออนไลน์ของ CNN นางคลินตันชนะนายทรัมป์ไปด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ปรับตัวลดลงนำโดยการปรับตัวลดลงของหุ้น Deutsche Bank หลังจากที่นักลงทุนผิดหวังกับความชัดเจนในการที่บริษัทฯ เจรจาลดค่าปรับกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (Reuters)

เอเชีย: 

• ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 2.0 ล้านล้านเยน (1.93 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนส.ค.เนื่องจากดุลการค้ากลับมาเกินดุลเนื่องจากยอดนำเข้าลดลง จากข้อมูลของกระทรวงการคลังที่เปิดเผยในวันนี้ ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์โดยเฉลี่ยไว้ว่าจะเกินดุลอยู่ที่ 1.54 ล้านล้านเยน (Reuters)

• นายคุโรดะกล่าวว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจปรับกำหนดเวลาในการพิชิตเป้าเงินเฟ้อที่ 2% นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ย้ำว่าบีโอเจอาจปรับวันที่ประมาณการว่าจะให้ถึงเป้าอัตราเงินเฟ้อที่ 2% จากรายงานของบลูมเบิร์กเมื่อวันจันทร์ นายคุโรดะกล่าวว่าอาจใช้เวลามากขึ้นที่จะถึงเป้าที่ 2% ซึ่งปัจจุบันบีโอเจประมาณการว่าจะถึงอัตราเงินเฟ้อจะถึงเป้า 2% ในปีบัญชีถัดไป ซึ่งจะไปสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2561 (Bloomberg)

• จีนประกาศแนวทางในการลดหนี้ภาคเอกชนที่ปัจจุบันกำลังเพิ่มสูงขึ้นที่อาจส่งผลลบต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจจีน โดยแนวทางต่างๆ ได้แก่ การส่งเสริมให้มีการซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) การล้มละลาย การแปลงหนี้เป็นทุน และการแปลงหนี้ให้เป็นหลักทรัพย์ (Securitization) ทั้งนี้หนี้ภาคเอกชนจีนปัจจุบันสูงถึง 18 ล้านล้านดอลลาร์ฯ คิดเป็น 169% ของ GDP จีน อ้างอิงตัวเลขจากข้อมูลของรัฐบาล (Reuters)

• ควบคุมตลาดที่อยู่อาศัยในจีน ธนาคารกลางจีนและหน่วยงานภาครัฐในเมืองต่างๆ ของจีน ได้แก่ ปักกิ่ง กวางโจว เซินเจิ้น ซูโจว เฉิงตู และอู่ฮั่น ได้ประกาศข้อจำกัดที่มากขึ้นเกี่ยวกับการซื้อบ้านและสินเชื่อบ้าน เพื่อลดความร้อนแรงของราคาบ้านที่ปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันบวกถึง 3% วันจันทร์ โดย Brent แตะจุดสูงสุดรอบ 1 ปีหลังจากรัสเซียพร้อมเข้าร่วม OPEC เพื่อพยุงตลาด และเรียกร้องให้ประเทศนอก OPEC รายอื่นทำแบบเดียวกันด้วย Brent แตะจุดสูงสุดตั้งแต่ 9 ต.ค. 58 ที่ 53.73 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อลงมาปิดบวก 701.21 ดอลลาร์ (+2.3%) ที่ 53.14 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวกสูงสุดนับแต่ 9 มิ.ย. ก่อนจะย่อลงมาปิดบวก 1.54 ดอลลาร์ (3.1%) ปิดที่ 51.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ทองคำฟื้นตัววันจันทร์ จากเดิมร่วงมากสุดรายสัปดาห์นับแต่แต่ พ.ย. หลังจากตัวเลขจ้างงานสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดในวันศุกร์ ทำให้การเก็งกำไรว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ลดลงไปบางส่วน ประกอบกับมีแรงซื้อจากจีนหลังวันหยุด Golden Week ราคาทองคำตลาดจรบวก 0.2% ไปอยู่ที่ 1,259.48 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าบวก 0.7% ไปอยู่ที่ 1,260.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)