แพลนฟอร์ฟิต คิดกลับด้าน สูตรลดอ้วน

แพลนฟอร์ฟิต  คิดกลับด้าน สูตรลดอ้วน

สวนทางกับสูตรลดความอ้วนที่หลาย ๆคนเคยได้ยินมาว่าต้องกินให้น้อย ออกกำลังให้เยอะ

 “แพลนฟอร์ฟิต” บอกว่าต้องกินเยอะๆ แต่ออกกำลังกายน้อยๆ


“ธงชัย ธรรมสาลี” ซีอีโอ/โคฟาวเดอร์ และ “วุฒินนท์ ปรีชาวุฒิ” ซีโอโอ/โคฟาวเดอร์ แพลนฟอร์ฟิต (PlanforFIT) (สตาร์ทอัพแบตซ์ที่ 4 ของ ดีแทค แอคเซอเลอเรท) บอกว่าแน่นอนผลลัพธ์แรกๆที่ออกมามักเป็นประโยคคำพูดที่ว่า “กินจนต้องร้องขอชีวิต” ลูกค้าจะเป็นฝ่ายขอกินให้น้อยลงเนื่องจากกลัวว่าน้ำหนักจะไม่ลด


"เพราะเราให้กินเยอะมาก แต่ให้ออกกำลังกายนิดเดียว ลูกค้าก็ขอกินให้น้อยกว่านี้ ขอออกกำลังกายให้มากกว่านี้ได้ไหม พวกเขามักแปลกใจว่าทำไมเราให้ทำแบบนี้ แต่สักพักน้ำหนักเขากลับลดลง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเขา ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ร่างกายฟิตขึ้น" 

ธงชัย บอกว่าที่ทีมแพลนฟอร์ฟิตมุ่งหวังไม่ใช่เพียงแค่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการช่วยชีวิตคนๆ หนึ่ง เพราะในทุกๆปีคนทั่วโลกจะเสียชีวิตจากภาวะโรคอ้วนถึง 2.8 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนั้นอาจเป็นตัวเราเอง คนที่เรารัก คนที่เรารู้จัก

แพลนฟอร์ฟิต เกิดจากไอเดียที่อยากทำให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพที่ดีของธงชัย ซึ่งในอดีตเคยมีน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัมจนป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งคุณหมอแนะนำให้เร่งลดน้ำหนัก


"เวลานั้นผมอายุ 25 เอง ผมก็อดอาหาร กินอาหารเสิรม เบิร์นอย่างหนัก แต่พอลดไปสักพักนึงก็มาอ้วนซ้ำ เป็นอยู่อย่างนี้ แต่พอผมทำตามคำแนะนำว่าให้กินเพิ่มสองเท่า ออกกำลังนิดเดียว น้ำหนักของผมกลับค่อยๆลดลง มันเลยเป็นอะไรที่จุดประกายว่าคนไทยน่าจะได้รู้จักวิธีดีๆ อย่างนี้"


แน่นอนว่าคนที่แนะนำเขาก็คือ วุฒินนท์ ที่สุดท้ายก็ถูกชักชวนให้มาร่วมกันลุยเพื่อทำให้ความฝันกลายเป็นจริง ธงชัยบอกว่าคำชวนของเขาถือว่ามีเงื่อนไขโหดมากๆ คือในช่วงสองปีแรกต้องทำฟรีทั้งหมด จะให้ความรู้คนอย่างเดียว จากนั้นค่อยมาคุยกันว่าจะมีรายได้อะไรอย่างไร ถือว่าเป็นการวัดใจกันก็คงไม่ผิด


ต้องบอกว่า วุฒินนท์ ขณะน้้นโด่งดังอยู่ในวงการเพาะกายและยังเป็นอดีตแชมป์เอเชียปี 2006 อีกด้วย แต่ที่สุดเขาบอกว่าที่ตัดสินใจมาร่วมเพราะมีความเชื่อเหมือนกันว่า ถ้าทำในสิ่งที่ดีๆ เดี๋ยวธุรกิจมันตามมาเอง


"ผมเองเดิมทีก็ทำคล้ายๆอย่างนี้อยู่แล้ว ด้วยความที่อยู่ในวงการอยากให้คนออกกำลังกายมีแนวคิดเกี่ยวกับการออกกำลังกายที่ถูกต้อง แต่ผมก็รู้ว่าการทำคนเดียวเสียงมันก็ไม่ได้ดังสักเท่าไหร่ เราต้องการทีม เราต้องการพลัง ในการกระจายเรื่องนี้ออกไป" วุฒินนท์เล่า


ซึ่งข้อมูลในช่วงสองปีแรก แพลนฟอร์ฟิตเริ่มต้นด้วยการนำเอางานวิจัย ข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจจากต่างประเทศมาแปลให้คนไทยได้รับรู้ เช่น คนที่ลดน้ำหนักต้องกินแป้ง อย่างดแป้ง หรือการกินก่อนนอนก็สามารถลดน้ำหนักได้เช่นกัน เพราะแม้ว่ากระแสการออกกำลังกายของไทยยิ่งนับวันยิ่งเฟื่องฟู เริ่มมีคนเข้าใจและเริ่มออกกำลังกายมากขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่กลายเป็นเทรนด์ฮอต สิ่งที่จะวิ่งไปเร็วกว่ามักเป็นความไม่เข้าใจ


"พอวันหนึ่งแพลนฟอร์ฟิตอยากพูดถึงสิ่งที่ถูกต้องก็เลยไม่มีใครฟัง ก็ท้าทายสูงมากครับเพราะมันไปขัดกับสามัญสำนึกของคนอื่นเขา แต่สิ่งที่อยู่ข้างเราก็คือ งานวิจัยที่ถูกต้อง "


ธงชัยเสริมว่า แต่การนำเสนอข้อมูลจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ ในการทำข้อมูลดีๆ และถูกต้องให้คนไทยได้อ่านฟรี ยกตัวอย่างแค่อินโฟกราฟฟิกสวยๆที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายก็ต้องใช้เงินหลายแสนบาทต่อเดือน


"เราเองต้องการนักลงทุนในช่วงเริ่มต้น ซึ่งเราระดมทุนมาได้ประมาณ 1.8 ล้านบาท แต่ก็เกิดปัญหา มีความล่าช้าของโปรเจ็ค กลุ่มนักลงทุนกลุ่มแรกก็ถอยออกไป ณ จุดนั้นเรามีเวลาแค่30 วันในการหาเงินก้อนต่อไปที่จะจ่ายกับค่าใช้จ่ายต่างๆ สุดท้ายเราก็ช่วยกันหาได้ทันเวลาแต่ก็ยังไม่ครบ โคฟาวเดอร์ทั้งสามคนก็เลยเอาเงินของตัวเองใส่ลงไปเพื่อให้ตัวบริษัทรันต่อไปได้"


ธงชัยบอกว่า เป็นเรื่องของความบ้าของบ้าที่สุด เชื่อหรือไม่ว่าตอนนั้นโคฟาวเดอร์ของแพลนฟอร์ฟิตทุกคนได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ ทิ้งเงินเดือนหกหลักเพื่อมาฟูลไทม์กับบริษัทที่มีเงินเหลือพออยู่ได้แค่สองเดือนเท่านั้น 

อย่างไรก็ดี รูปแบบการดำเนินงานของแพลนฟอร์ฟิต ในช่วงสองปีที่ผ่านมามีลักษณะเป็นเอสเอ็มอี คือเปิดเว็บไซต์เป็นช่องทางในการนำเสนอข้อมูล เพื่อให้คนมาขอคำปรึกษาผ่านทางหน้าเพจแบบฟรีๆ แต่การที่ไม่ได้มีใครที่เข้าไปคอยกำกับดูแลการออกกำลังกาย หรือคอยแนะนำว่าวันนี้ ในสัปดาห์นี้ควรต้องทำอะไร หนึ่ง สอง สาม สี่ ผลสำเร็จก็ไม่เกิดขึ้น

ที่สุดโคฟาวเดอร์เลยตกลงใจจัดโครงการที่ชื่อว่า “ซิกตี้เดย์ชาเลนจ์” เปิดรับสมัครให้คนมาเปลี่ยนแปลงตัวเองภายในเวลา 60 วัน


"เราจะโฟกัสไปที่การลดน้ำหนักก่อน ซึ่งทางทีมโค้ชของเราเป็นผู้ออกแบบโปรแกรมทั้งหมด ตั้งแต่จะต้องกินอย่างไร ต้องออกกำลังกายอย่างไร เราจะมีคนคอยให้คำปรึกษาและคอยถามตอบให้ตลอดระยะเวลา 60 วัน"


ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาด ยอดของผู้สมัครโตขึ้นสองเท่าในทุกๆไตรมาส เวลานี้อยู่ที่ประมาณ 2 พันรายแล้ว แต่จำนวนคนที่เยอะขึ้นลำพังแค่แรงคนแรงโค้ชคงไม่ได้ จึงมีการทำแพลตฟอร์มขึ้นมาเพื่อที่จะดูแลลูกค้า โดยโค้ชหนึ่งคนสามารถดูแลลูกค้าได้ประมาณ 200-300 ราย นอกจากนี้จะมีเฟสบุ๊คกรุ๊ปสำหรับถามตอบปัญหาให้กับลูกค้าอีกด้วย


หากอธิบายคร่าวๆ ในการเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักของแพลนฟอร์ฟิต มีขั้นตอนดังนี้ เมื่อลูกค้าสนใจก็สมัครโดยกรอกข้อมูลส่วนตัว อายุ น้ำหนัก สัดส่วน ไลฟ์สไตล์ในแต่ละวัน ในเรื่องของการกิน การออกกำลังกาย การใช้ชีวิต เพื่อให้ทีมงานวิเคราะห์ถึงระบบเผาผลาญ จากนั้นก็จะเริ่่มซ่อมระบบเผาผลาญให้กลับมาเป็นปกติ แล้วเข้าสู่โปรแกรมการลดน้ำหนัก ซึ่งจะค่อยๆตัดแคลลอรี่ลง และเพิ่มในส่วนของการออกกำลังกาย


"เป็นเหตุผลว่าทำไม 90% ของคนที่เข้าโปรแกรมของเราจึงสามารถลดน้ำหนักได้แม้จะกินเพิ่มขึ้นสองเท่า และออกกำลังกายน้อยลง แต่ที่ 10% ทำไม่ได้เป็นเพราะระบบเผาผลาญที่ค่อนข้างพังมากๆจำเป็นต้องใช้เวลาซ่อม 4-6 เดือน กว่าที่เขาจะเข้าสู่กระบวนการการลดน้ำหนักได้ แต่คนทั่วไปอยู่แค่เดือนเดียว ซึ่งน้ำหนักจะลดได้จริงๆก็ภายในเดือนที่สอง แต่ถ้าจะให้เป็นหุ่นที่ดีเลยอาจต้องใช้เวลาตั้งแต่สองเดือนถึงสองปี โปรแกรมการลดน้ำหนักไม่ใช่แค่สองเดือนแล้วจะทำให้ได้หุ่นที่เป๊ะ" ธงชัยกล่าว


วุฒินนท์ อธิบายว่า โดยธรรมชาติร่างกายคนเราจะรักษาระบบที่สมดุล จะปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เช่น เวลาที่เราไปอยู่ในที่หนาวจัดๆ ร่างกายก็มักทนไม่ไหวในช่วงแรกๆ แต่ผ่านไปสักพักก็จะเริ่มปรับตัวและหนาวน้อยลง ขณะที่คนเวลาที่กำลังอ้วนขึ้นก็มักไม่รู้ตัวเพราะความอ้วนเกิดขึ้นทีละนิดๆ มารู้ตัวอีกทีก็อ้วนไปแล้ว ซึ่งการลดน้ำหนักหรือการเปลี่ยนแปลงรูปร่างก็ควรอยู่ในแนวทางเดียวกัน ต้องอย่าพยายามหักโหมรีบลด รีบอดอาหาร


"ต้องค่อยๆ กระเถิบให้ร่างกายของเราปรับตัวไปเรื่อยๆจนหุ่นดีปุ๊บ ร่างกายเราก็จะบาลานซ์ได้พอดี เราก็จะหุ่นดีแบบนั้น เป็นธรรมชาติ เป็นพฤติกรรมของเราในแต่ละวัน โดยไม่มีใครบังคับให้เราไปออกกำลังกาย หรือบังคับให้ต้องเลือกทานอาหาร"


ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาบอกว่า หุ่นดีของแต่ละคนแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะนิยามรูปร่างดีในแบบของตัวเองเป็นอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่ที่ลูกค้าจะเป็นฝ่ายกำหนดขึ้นเอง แพลนฟอร์ฟิตจะไม่พยายามไปตัดสิน แต่มีหน้าที่พาลูกค้าไปให้ถึงฝั่งเท่านั้น
 
จองตลาดเซาท์อีสต์เอเชีย


สำหรับแผนในการเติบโต ธงชัยบอกว่าเวลานี้แพลนฟอร์ฟิตอยู่ในช่วงทดลองตลาด ถึงอย่างนั้นก็สามารถโกยรายได้ถึง 6 ล้านบาทแล้ว


"เรากำลังทำแอพออกมาเพื่อให้คนใช้งานมากขึ้น ปลายปีนี้เราตั้งเป้าหมายต้องมีลูกค้า 8 พันราย รวมรายได้อยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาทด้วยกำไรสุทธิครึ่งหนึ่ง และในปีหน้าเราตั้งเป้าจะขยายไปประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 3.5 หมื่นราย รายได้ครึ่งปีแรกของปีหน้าจะอยู่ที่ 100 ล้านบาท ด้วยกำไรสุทธิครึ่งหนึ่ง ซึ่งเราคิดจะขยายไปยังประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด"


ซึ่งเขามีความมั่นใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตัวทีมงานและโคฟาวเดอร์ที่มีความมุ่งมั่น มีความเชี่ยวชาญและเป็นตัวจริงในวงการ


"สิ่งสำคัญก็คือต้องมั่นคงในแนวคิด เพราะระหว่างทางเรามีช่องทางทำเงินมากมาย ไม่ว่าจะรีวิวอาหารเสริม ขายอาหารเสริม แต่เราก็ไม่ได้ทำถ้ามันขัดกับความตั้งใจของพวกเราซึ่งมันสตรองมากๆ ทุกอย่างที่เราทำต้องไม่กระทบต่อคอร์แวลลูของบริษัทหมายถึง ลูกค้ายังกินได้สองเท่า ทุกคนก็ยังคงแฮบปี้คือเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างมีความสุข และได้ผลจริงๆ" วุฒินนท์ กล่าวปิดท้าย