ผ่าเครือข่าย นรต.36

ผ่าเครือข่าย นรต.36

เปิดศักราชสัปดาห์แรกของปีงบประมาณ 2560 นายตำรวจน้อยใหญ่ที่ได้รับตำแหน่งใหม่

หลังคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับนายพลได้เข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างคึกคัก แม้จะยังคงมีสถานะ “รักษาราชการแทน” (รรท.) อยู่ก็ตาม

พิธีส่งมอบตำแหน่งในหลายกองบัญชาการ และกองบังคับการ นอกจากงานส่งมอบหน้าที่กันแล้ว ยังมีการแถลงข่าวผลงานการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญเป็นประเดิมอย่างคึกคักยิ่ง

โดยเฉพาะที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ที่ “บิ๊กช้าง” พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัยส่งมอบหน้าที่ให้ “บิ๊กหยม” พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช มีการแถลงจับยาบ้าหลักล้านเม็ดเลยทีเดียว

พูดถึง นรต.36 ปีนี้ต้องบอกว่า “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งเป็น นรต.36 ด้วย ได้มีโอกาสใช้อำนาจปรับย้ายเต็มมือ จึงวางตัวเพื่อนร่วมรุ่นที่ “รู้มือ-รู้ใจ” มาช่วยงานในตำแหน่งสำคัญแบบยกแผง ผิดกับปีที่แล้วที่ยังกั๊กๆ เพราะ ผบ.ตร.คนเก่าอย่าง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ยังมีบารมีอยู่

เพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่ผงาดขึ้นรับงานใหญ่มีหลายคน เริ่มจาก“บิ๊กใหม่” พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ นักสืบฝีมือดี เชี่ยวชาญพื้นที่ชายแดนใต้ ก้าวขึ้นเป็น ที่ปรึกษา (สบ 10) แม้ว่าจะเพิ่งดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้ไม่นาน แต่กฎก.ตร.ใหม่เปิดช่องเอาไว้ ไม่ต้องเน้นอาวุโสอย่างเดียว แต่ให้ดูที่ผลงานและความรู้ความสามารถเป็นสำคัญ

อีกคนที่ได้ขยับขึ้น คือ “บิ๊กช้าง” พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เพื่อนสนิทของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ทั้งยังเป็นสายตรง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย เขยิบจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.

ยอดมือสืบสวนอีกคนอย่าง “บิ๊กแหมว” พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เพื่อนร่วมรุ่นของ “บิ๊กแป๊ะ” คว้าเก้าอี้ใหญ่ รับงานดับไฟใต้ ด้วยการขึ้นเป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.)

ชื่อของ พล.ต.ต.รณศิลป์ ลงไปคุมทัพสีกากีที่ปลายด้ามขวาน ถือว่าสอบผ่าน เพราะฝ่ายทหารที่เป็นหลักในพื้นที่อยู่ ชูมือสนับสนุน

ขณะที่ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อนร่วมก๊วนอีกคน ซึ่งครบเครื่องทั้งงานตำรวจและต่างประเทศ ได้นั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล หลังได้รับการผลักดันให้ติดยศ “พล.ต.ท.” มาอย่างต่อเนื่อง

งานนี้คงได้เห็นการประสานงานระหว่าง “บิ๊กใหม่” ผู้เจนสนามชายแดนใต้ กับ “บิ๊กแหมว” ผบช.ศชต. และ “บิ๊กปั๊ด” ผบช.สันติบาล เป็นสามประสานรุ่น 36 เดินหน้าลุยกลุ่มก่อความไม่สงบภาคใต้ให้หนาวกันเป็นแถบๆ

แต่คนที่ดูจะอกหัก น่าจะเป็น “บิ๊กหยม” พล.ต.ท.ชาญเทพ ซึ่งแม้จะเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 35 แต่จบพร้อมรุ่น 36 จึงรับเป็นรุ่น 36 ด้วย

พล.ต.ท.ชาญเทพ มือสืบสวนคดีลอบวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ เพื่อนซี้ของ “บิ๊กแป๊ะ”ซึ่งมีชื่อเสียบตำแหน่งเจ้าของรหัส “น.1” อย่างผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มาหลายรอบ โยกย้ายเที่ยวนี้ก็มีชื่อ แต่สุดท้ายต้องพลาดหวังอีกครั้ง เพราะได้แค่สไลด์จากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 มาอยู่ใกล้ๆ กรุงเทพฯในเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เท่านั้น

สำหรับ ผบช.น.อย่าง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร นรต.รุ่น 34 ยังคงแข็งปึ้กบนเก้าอี้ตัวเดิมในปีสุดท้ายของอายุราชการ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้ความไว้วางใจ และส่งตรงมาด้วยตัวเอง

เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมรุ่น นรต.34 อีกคนอย่าง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ที่ยังคงต้องรับผิดชอบงานสำคัญ โดยเฉพาะในฐานะมือปราบคดี 112 ต่อไป

ตำแหน่งสำคัญอีกคนที่ไม่มีการปรับเปลี่ยน คือ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร(นรต.37) ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) สานต่อภารกิจยกเครื่องงาน ตม.และจัดซื้ออุปกรณ์อันสมัยใหม่เพื่อคัดกรองผู้ก่อการร้ายไม่ให้เล็ดลอดเข้าราชอาณาจักรไทย

ขณะที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เลือกใช้บริการพล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข (นรต.34) แทนที่ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ที่เกษียณอายุราชการ

ขณะที่ “บิ๊กโจ๊ก” คนดัง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล (นรต.47) เจ้าของฉายา “โจ๊กหวานเจี๊ยบ” ขยับจากผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เป็นผู้บังคับการ 191 และ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง (นรต.37) ลูกหม้อกองปราบ กลับถิ่นเก่าเป็นผู้บังคับการปราบปราม คาดว่าจะทำให้งานกองปราบคึกคักมากขึ้น หลังจากเงียบๆ มานาน