ตลาดสไตล์ “แอล.พี.เอ็น”

แต่ในมุมมองของ “โอภาส ศรีพยัคฆ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บอกว่ายังเป็นตลาดขาลงสำหรับธุรกิจ

โดยเปรียบตลาดอสังหาในปัจจุบัน ว่าไม่ต่างจากตลาดหุ้น ที่รอจนถึงจุดต่ำสุดค่อยช้อนซื้อ คนมีเงินก็ไม่ซื้อ เพราะคิดว่าเดี๋ยวราคาจะลง ส่วนคนไม่มีกำลังซื้อ ก็ไม่กล้าซื้อ เพราะกลัวซื้อแล้วกู้ไม่ได้ ตลาดเลยดูแย่ 

ช่วงก่อนหน้านี้ แอล.พี.เอ็น. แตะเบรกการเปิดโครงการใหม่ พร้อมกับหันมาเน้นระบายสต็อกในมือมีอยู่ 2 หมื่นยูนิตออกไปให้ได้มากที่สุด ซึ่งก็ต้องกระตุ้นตลาดกลุ่มเป้าหมายเป็นตลาดกลาง-ล่าง คือ ต้องทำราคาให้น่าสนใจมากที่สุด ต้องทำให้คนซื้อ แล้วรู้สึกว่าจ่ายในราคาที่ต่ำที่สุด และมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด

จึงป็นที่มาของการกระหน่ำแคมเปญการตลาดตั้งแต่ต้นปีมาถึง ณ วันที่ 7 ก.ย. 2559 แอล.พี.เอ็น.ฯ ออกโปรโมชั่นร่วม 15 แคมเปญ ไม่รวมแคมเปญย่อยๆ จากปีก่อนจะออกไตรมาสละครั้งเท่านั้น

การตลาดแบบตรงไปตรงมาว่าด้วยเรื่อง “ราคา” ล้วนๆ ทุกแคมเปญการตลาดที่ออกมาจะเห็นว่า เน้นเรื่องราคา พุ่งตรงไปยังลูกค้า 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก กลุ่มที่มีกำลังซื้อไม่มาก ต้องทำแคมเปญออกมาให้เห็นว่าซื้อแล้วภาระเขาน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นภาระตอนที่ซื้อหรือภาระในอนาคตอีก 1-2  ปีข้างหน้า และกลุ่มที่ 2 กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ ก็ต้องทำให้รับรู้ว่านี่คืดราคาที่ถูกที่สุดแล้ว ไม่มีถูกกว่านี้อีกแล้ว อย่ารอเลย

ส่วนผลตอบรับที่ได้กลับมานั้น “โอภาส” ยอมรับว่า ได้บ้างไม่ได้บ้าง อาทิ แคมเปญโปรหาร 2 นาน 5 ปี นั่นหมายความว่า แอล.พี.เอ็น.ช่วยลูกค้าผ่อนครึ่งหนึ่ง ทุกๆ อย่างช่วยจ่ายครึ่งหนึ่งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนแบงก์ ค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนอง เป็นต้น 

แคมเปญนี้มองไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ไม่มากและเช่าที่อยู่อาศัย โปรหาร 2 ทำให้รู้สึกว่าไม่มีภาระและมีความมั่นคง จากเดิมผ่อนอยู่ 4,000 บาท/เดือนก็เหลือผ่อน เพียง 2,000 บาทซึ่งก็ต่ำกว่าค่าเช่าห้องหรือบ้าน 

แคมเปญนี้สร้างยอดขายได้เกือบ 1,000 ยูนิต ซึ่งโอภาสบอกว่า อยู่ในระดับที่ดี