TPCH - ซื้อ

TPCH - ซื้อ

Full of catalyst

ประเด็นการลงทุน

เรามองว่าราคาหุ้นที่ยังไม่ปรับตัวขึ้นนับแต่บริษัทชนะการประมูลโครงการชีวมวลภาคใต้ 26.1MW เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อหุ้น เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มีความกังวลว่าโครงการที่บริษัทชนะประมูลมาในราคาค่าไฟฟ้าเพียง 3.20 บาท/หน่วย จะไม่ก่อให้เกิดกำไร อย่างไรก็ดีจากประสบการณ์ของบริษัทดูจากโรงไฟฟ้าช้างแรกที่ได้ค่าไฟฯ 3.15 บาท/หน่วย คาดบริษัทจะรักษาศักยภาพการทำกำไรได้ในระดับ 7 ล้านบาท/MW/ปี และยังมีปัจจัยหนุนราคาหุ้นระยะสั้นจากการ COD โรงไฟฟ้าทุ่งสังตามแผนงานที่จะ COD ในช่วงนี้ คาดหนุนให้กำไร 4Q16 ทำ new high ต่อเนื่อง และการคัดเลือกโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ที่จะยื่นคำขอในเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งเรามองว่าบริษัทมีความพร้อมในงานนี้สูงมาก และมีโอกาสที่จะได้รับ PPA เพิ่มเติม

คาดการ COD โรงไฟฟ้าทุ่งสัง หนุนกำไรเติบโตตามแผน

เรายังคงคาดจะเห็นกำไรของบริษัททำจุดสูงสุดใหม่ในทุกๆไตรมาส จากการขายไฟฟ้าฯ (COD) โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ซึ่งในไตรมาสนี้จะ COD โรงไฟฟ้าทุ่งสัง (TSG) ตามแผนงานของบริษัท คาดจะสามารถเดินเครื่องได้ประสิทธิภาพสูงในระยะเวลาไม่นานเพราะเป็นเทคโนโลยีที่บริษัทมีความชำนาญในการเดินเครื่องอยู่แล้ว อิงจากโรงไฟฟ้าแม่วงก์ ที่ COD ใน 4Q15 เราคาดบริษัทจะสามารถเดินเครื่องได้ efficiency เกิน 80% ในระยะเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น

จับตาการคัดเลือกโรงไฟฟ้าขยะชุมชน

เรามองว่าบริษัทมีศักยภาพในการได้รับ PPA 8MW จากการคัดเลือกโรงไฟฟ้าขยะชุมชนรอบนี้ เพราะบริษัทสยามพาวเวอร์ที่บริษัทไปร่วมลงทุนด้วยนั้นมีความพร้อมอย่างเต็มที่ ซึ่งมี 1) ที่ดินพร้อม 2) วัตถุดิบ (ขยะ 3.8 ล้านตัน ในบ่อขยะ) เพียงพอสำหรับส่งให้โรงไฟฟ้าตลอด 20 ปี 3) มีใบอนุญาต รง.4 และ อ.1 แล้ว รวมถึง 5) อยู่ในเขต อบจ. นนทบุรี ซึ่งเป็นเขตตามประกาศของ กกพ. จากการประเมินเบื้องต้น โรงไฟฟ้าขยะฯจะทำกำไรได้ราว 12-16 ล้านบาท/MW/ปี สูงกว่าชีวมวลที่ทำกำไรได้ราว 7-9 ล้านบาท/MW/ปี เพราะขยะชุมชนได้ค่าไฟฟ้าที่ 5.08-6.34 บาท/หน่วย โดยไม่ต้องประมูล (สูงกว่าชีวมวลที่ 4.54-5.04 บาท/หน่วย และต้องประมูล เหลือราว 3.2 บาท/หน่วย)
กำหนดเวลาการออก PPA ส่วนขยะชุมชนราว 100MW ของ กกพ. คือ 1) เปิดรับตรวจสอบจุดเชื่อมโยง 5-15 ก.ย. 2) เปิดให้ยื่นคำขอฯ 17-21 ต.ค. และ 3) ประกาศผู้ที่ได้รับการคัดเลือก 17 พ.ย. ปีนี้

โรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่ คาดบริษัทสามารถรักษาศักยภาพการทำกำไรได้

นับแต่บริษัทประมูลโครงการภาคใต้ได้รับมา 3 โครงการ 26.1MW เรามองว่าตลาดมีความกังวลว่าราคาค่าไฟฟ้าที่ประมูลได้ที่ราว 3.20 บาท/หน่วย จะไม่มีกำไร อย่างไรก็ดีอิงจากประวัติการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าช้างแรกในปีที่แล้ว ซึ่งได้ค่าไฟฟ้าแบบ Adder (คิดเป็นค่าไฟฟ้าราว 3.15 บาท/หน่วย) จะเห็นว่าโรงไฟฟ้าช้างแรก มีกำไรราว 68 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรประมาณ 7 ล้านบาท/MW/ปี ดังนั้นความเสี่ยงที่จะไม่มีกำไรจากค่าไฟฟ้าที่ประมูลได้จำกัด เพราะบริษัทจะใช้เทคโลโลยี High Pressure, High Temperature ซึ่งช่วยให้ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูง ซึ่งต่องจากโรงไฟฟ้าช้างแรกที่ใช้ Medium pressure