BDMS - ซื้อ

BDMS - ซื้อ

ผลกระทบจากการเข้าซื้อกิจการล่าสุด: เจ็บสั้นๆ แต่เจ๋งยาว ๆ

ประเด็นการลงทุน

ในระยะสั้นเรามองว่าราคาหุ้น BDMS น่าจะได้รับแรงกดดันจากกำไรที่จะมีการปรับลดลงจากตลาด เนื่องจากวงจรการลงทุนครั้งใหม่ที่จะส่งผลแก่อัตรากำไรในระยะสั้น แต่ในระยะยาวผลประโยชน์ที่ได้รับคือการลงทุนที่จะทำให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ดังนั้นเราจึงแนะนำให้นักลงทุนรอเวลาเข้าซื้อด้วยราคาที่ต่ำกว่า 21 บาท/หุ้น อ้างอิงจาก PER ณ สิ้นปี 2560 ที่ 35 เท่า ซึ่งเป็นระดับ PER เดียวกับที่หุ้นเคยได้รับการปรับลดระดับการซื้อขายในช่วงข่าวร้ายล่าสุดเมื่อปี 2558 ทั้งนี้เราปรับลดราคาเป้าหมายวิธีคิดลดเงินสด ณ สิ้นปี 2560 ลงเป็น 25 บาท (จาก 26 บาท) สะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรล่าสุดของเรา บนสมมติฐาน WACC เท่ากับ 7.0% และ terminal growth ที่ 2.0%

ประกาศเข้าซื้อโรงแรมสวิสโฮเต็ลปาร์คนายเลิศและสำนักงานอย่างไม่คาดคิด

บริษัทสร้างความประหลาดใจแก่เราและตลาดเป็นอย่างยิ่งเมื่อ BDMS ประกาศเข้าซื้อโรงแรมสวิสโฮเต็ลปาร์คนายเลิศและอาคารสำนักงาน Promenade ซึงมีจำนวนเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 15 ไร่ บนถนนวิทยุ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร โดยการเข้าซื้อในครั้งนี้มีมูลค่าถึง 1.08 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ BDMS กำหนดงบประมาณลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 2 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวให้เป็น BDMS Wellness Clinic ซึ่งเป็นการบริการด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร โดยมุ่งเน้นไปยัง การดูแลและป้องกัน สร้างอายุที่ยืนยาว พร้อมทั้งดูแลสุขภาพสมองและฟัน ทั้งนี้มุ่งเป้าหมายไปยังลูกค้าชาวต่างชาติและลูกค้าในประเทศมีกำลังซื้อสูงและใส่ใจในสุขภาพ ประมาณ 75-80% เป็นชาวต่างชาติ และ 20-25% เป็นคนไทยตามลำดับ โดยอาคาร Promenade จะถูกตกแต่งใหม่โดยใช้เป็นให้อาคารบริการผู้ป่วยนอก และห้องพักที่เป็นตัวโรงแรม 380 ห้องที่จะกลายเป็นห้องผู้ป่วยในสำหรับลูกค้ที่เป็นสมาชิก (ตั้งเป้าหมาย 500 สมาชิก) ทั้งนี้คลินิกสุขภาพคาดจะเปิดภายในกลางปี 2560

ทั้งนี้ราคาเข้าซื้อกิจการดังกล่าวต่ำกว่าประเมินราคาโดย CBRE ที่ 5% โดยคิดเป็นราคา 1.8 ล้านบาทต่อตารางวา ซึ่งใกล้เคียงกับราคาที่ดินที่ซื้อขายล่าสุดบริเวณนั้นในปัจจุบัน ทั้งนี้โครงการ Wellness Clinic ไม่ใช่โครงการใหม่ (greenfield) เนื่องจากบริษัทสามารถใช้ประโยชน์ของอาคารสำนักงาน และโรงแรมที่มีอยูเดิมมาปรับปรุงเป็นศูนย์บริการสุขภาพได้ในทันที ที่สำคัญด้วยบุคลกรทางการแพทย์ระดับโลกจะดึงดูดคนไข้ชาวต่างชาติมายัง Wellness Clinic ดังกล่าว โดยบริษัทตั้งเป้าหมายโครงการดังกล่าวนั้น EBITDA จะเป็นบวกภายใน 2 ปี และกำไรสุทธิสามารถเป็นบวกได้ใน 3 ปี โดยอัตราผลตอบแทนการลงทุน (IRR) คาดว่าจะอยู่ที่ 14.5% และคืนทุนภายใน 9 ปี โดยแหล่งเงินทุนหลัก ๆ จะมาจากการกู้ยืม แต่ไม่มีความเสี่ยงด้านการเพิ่มทุนอย่างแน่นอน เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 0.4 เท่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย มาอยู่ที่เพียง 0.6 เท่า จากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว ซึ่งยังต่ำกว่าข้อกำหนดเจ้าหนี้ที่ 1.75 เท่าอยู่มาก


ปรับลดประมาณการกำไร

เราปรับลดประมาณการกำไรหลักลง 3% สำหรับปี 2559 และ 5% สำหรับปี 2560 เพื่อสะท้อนภาพการปรับตัวสูงขึ้นของดอกเบี้ยจ่ายจากการเข้าซื้อกิจการล่าสุด โดยปรับดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 27% ในปี 2559 และ 57% ในปี 2560 เราคาดว่ารายได้จาก Wellness Clinic จะอยู่ที่ 800 ล้านบาทในปี 2560 โดยเราคาดอัตรากำไรหลักลดลง 0.4% YoY มาอยู่ที่ 12.4% ในปี 2559 และปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย 0.1% มาอยู่ที่ 12.5% ในปี 2560 ทั้งนี้เราคาดว่าประมารการณ์กำไรหลักจะเติบโตที่ 6% ในปี 2559 และ 12% ในปี 2560 ทั้งนี้เราคาดบริษัทมีกำไรพิเศษหลังภาษีจากการขายเงินลงทุนใน BCH เท่ากับ 165 ล้านบาทในปี 2559 

เจ็บระยะสั้นจากแรงกดดันของอัตรากำไร แต่กำไรเติบโตในระยะยาว
จากวงจรการลงทุนใหม่ของทั้งสองโครงการที่พึ่งเริ่มต้นและเป็นโครงการเสริมกันและกันได้แก่ Wellness Clinic (มูลค่าการลงทุนรวม 1.3 หมื่นล้าน) และ โครงการ Phoenix ที่สำนักงานใหญ่ (สร้างตึกใหม่ 4 ตึกโดยมีทั้งหมด 224 เตียงสำหรับผู้ป่วยใน ใช้งบประมาณ 4-5 พันล้านบาท) โดยเราเชื่อว่าในระยะสั้นอัตรากำไรจะถูกกดดันจากวงจรการลงทุนใหม่และจากช่วงเริ่มการโฆษณาเพื่อดึงดูดลูกค้าโดยเฉพาะต่างชาติ หากแต่การลงทุนดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ระยะยาวพลักดันให้ BDMS เป็นผู้นำด้านโรงพยาบาลในเอเชียและสร้างการเติบโตของกำไรที่ยั่งยืนในระยะยาว