ทหารเตรียมลุยแก๊งมาเฟีย ย่านพระโขนง

ทหารเตรียมลุยแก๊งมาเฟีย ย่านพระโขนง

ทหารเตรียมลุยปราบแก๊งมาเฟียย่านพระโขนง หลังผู้เสียหายโดนเผารถ เพราะไม่จ่ายเงินค่าเช่าแผง ด้านทหารยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

จากกรณี น.ส.วิไลวรรณ แก้วมีศรี อายุ 33 ปี กับนายสุรเดช มณีไพศาลสกุล อายุ 27 ปี สองสามีภรรยา อาชีพขายเครื่องสำอางค์บริเวณริมทางเท้าใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อ่อนนุช แจ้งความกับตำรวจ สน.พระโขนงว่า ถูกคนร้ายก่อเหตุเผารถยนต์ ฟอร์ด เอสเคป สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน 4กพ-3640 กรุงเทพมหานคร จนได้รับความเสียหายเกือบทั้งคัน เหตุเกิดคืนวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นผู้เสียหายคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากความขัดแย้งที่ไม่ยอมจ่ายเงินค่าเช่าแผงของให้เจ้จี๊ด ผู้มีอิทธิพล ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 29 ก.ย. ที่สน.พระโขนง นายสุรเดช กับน.ส.วิไลวรรณ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชนิน วชิรปาณีกุล ผกก.สน.พระโขนง เพื่อให้ปากคำกับเพิ่มเติม ก่อนเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุมีคนโทรศัพท์มาหาน้องชายพร้อมกับข่มขู่ไม่ให้ตนเอาเรื่อง แล้วจะจ่ายค่าเสียหายให้ แต่ต้องให้เรื่องจบ อย่างไรก็ตามหลังจากดูภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าในจำนวนชายที่ก่อเหตุ 3 คนนั้น เป็นคนที่ตนรู้จัก 2 คน คือนายดำ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ขายของที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช กับนายสัน วินจยย.รับจ้าง โดยตนมั่นใจว่าเป็น 2 คนนี้แน่นอน เนื่องจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน ประกอบกับเสื้อผ้าการแต่งกายที่เห็นในภาพวงจรปิดก็ตรงกับที่ทั้งสองคนสวมใส่ในวันเกิดเหตุอีกด้วย อย่างไรก็ตามตนแน่ใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องเกิดมีสาเหตุจากหญิงที่ชื่อจี๊ด ซึ่งเป็นผู้เก็บเงินค่าเช่าแผงขายของไม่พอใจที่พวกตนไปบอกพ่อค้าแม่ค้าบางรายว่าไม่ให้จ่ายเงินค่าเช่า

ต่อมาเวลา 15.00 น. พ.ท.ธารา ฉลาด ผบ.ร้อย.รส.ม.พัน.29 รอ. พร้อม ร.อ.สมชาย ณ สุวรรณ ผบ.หมวด ร้อย.รส.ที่ 6 ม.พัน.29 รอ.นำกำลังมาที่ สน. พระโขนง เพื่อพูดคุยและสอบถามผู้เสียหาย และกลุ่มแม่ค้าในจุดดังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งรายละเอียดพฤติการณ์ของนายดำ นายสัน และหญิงชื่อเจ้จี๊ด ตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง โดย รอ.สมชาย กล่าวว่า หลังจากนี้จะจัดกำลังทหารลงพื้นที่ดังกล่าว เพื่อสืบสวนหาข่าวและพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งตรวจสอบว่า นายดำ มีความเกี่ยวข้องกับทหารตามที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่ ส่วนในด้านของคดีความเรื่องการเผารถ ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเป็นคนดูแล

ทั้งนี้ ยืนยันว่าทหารจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะจัดการกลุ่มที่มาเรียกเก็บค่าที่ หรือค่าคุ้มครอง หรือกลุ่มในจุดดังกล่าวต่อไป

ขณะที่ ร.อ.สมชาย ณ สุวรรณ ผู้บังคับหมวดกองร้อยรักษาความสงบที่6 กองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบว่า นายดำ เป็นพ่อค้าขายปลาเผา ซึ่งมีแผงติดกับน.ส.วิไลวรรณ ผู้เสียหาย และทราบว่าเป็นลูกน้องของหญิงชื่อจี๊ด และทำหน้าที่เก็บค่าเช่าแผงแต่หลังจากที่เทศกิจสั่งห้ามขายและยกเลิกการเก็บค่าเช่า จี๊ดกับพวกยังคงเรียกเก็บค่าตามเดิม ทำให้กลุ่มผู้ค้าบางส่วนที่ไม่ยอมจ่ายถูกข่มขู่และขับไล่ออกจากพื้นที่ และยืนยันว่าที่ผ่านมาทหารได้ปราบปรามผู้มีอิทธิพลมาอย่างต่อเนื่อง แต่กรณีดังกล่าวนั้นไม่เคยได้รับการร้องเรียน เนื่องจากการเข้าปราบปรามแต่ละครั้งต้องมีผู้ร้องเรียนก่อนจะเข้าตรวจสอบ

ส่วน นายสุรเดช มณีไพศาลสกุล อายุ 27 ปี สามีของน.ส.วิไลวรรณ ผู้เสียหาย กล่าวภายหลังการสอบปากคำว่า ตำรวจและทหารขอเวลาในการรวบรวมหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมตัว จี๊ดและนายดำ ซึ่งแอบอ้างทหาร กอ.รมน.เรียกเก็บค่าที่กลุ่มผู้ค้าในบริเวณดังกล่าว โดยหลังจากนั้นตนได้ทำหนังสือยื่นร้องเรียนไปที่ กอ.รมน. และได้รับการยืนยันว่านายดำและจี๊ด ไม่ใช่ลูกน้องและไม่เคยสั่งการให้มีพฤติกรรมดังกล่าว

นอกจากนี้หลังจากที่เข้าแจ้งความ สน.พระโขนงและมีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว นายดำได้ส่งข้อความมาหาน้องชายว่ายินดีจะมอบเงินและซื้อรถคันใหม่ให้ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี แต่ตนยืนยันจะเดินหน้าเรื่องคดีเนื่องจากมีทรัพย์สินได้รับความเสียหายประกอบกับไม่อยากให้ผู้มีอิทธิพลมาสร้างความเดือดร้อนในพื้นที่