ฤดูกาล'ชนกว่าง'เริ่มแล้ว ซื้อขายถึงตัวละหลักแสน

ฤดูกาล'ชนกว่าง'เริ่มแล้ว ซื้อขายถึงตัวละหลักแสน

ร้านขายกว่าง จ.เชียงใหม่ คึกคัก คนแห่ต่อคิวซื้อทั้งวัน พ่อค้าเผยราคาขายสูงสุด หลักหมื่นบาท ต่อ 1 ตัว แชมป์ราคาอาจถึงแสน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในทุกปีช่วงเดือนกันยายน ถึงเดือนพฤศจิกายน หรือปลายฝนต้นหนาว ห้วงระยะเวลาประมาณ 100 วัน จะเป็นช่วงฤดูที่ด้วงกว่าง ซึ่งเป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่งเจริญเติบโตเต็มที่ และโผล่ออกมาจากดินเพื่อผสมพันธุ์ ซึ่งประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน มักจะจับมาชนกัน เป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่ผู้ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาตั้งแต่สมัยโบราณจนกลายเป็นประเพณี และเป็นกีฬาพื้นบ้านที่มีเสน่ห์ในตัว โดยในช่วงนี้ หลายพื้นที่ในภาคเหนือมักจะพบเห็นพ่อค้าแม่ค้านำกว่างมาวางจำหน่ายจำนวนมาก ซึ่งบริเวณถนนรัตนโกสินทร์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่คนท้องถิ่นเรียกว่าบริเวณหลังรร.ปรินส์ เป็นอีกหนึ่งจุดที่มีการจำหน่ายกว่าง จำนวนมาก และมีผู้คนสนใจมาเลือกซื้ออย่างคึกคักตลอดทั้งวัน

นายเกรียงศักดิ์ มะลิวัน อายุ 38 ปี พ่อค้ากว่างร้านพี่อาร์มหลังโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตนขายกว่างเป็นประจำในฤดูกว่างบริเวณ ถนนรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ ปี 2541 เป็นต้นมา ปัจจุบันตนมีกว่างจำหน่ายในร้านไม่ต่ำกว่า 1,500 ตัว มีทั้งกว่างธรรมดา 2 เขา ที่ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า กว่างโซ้ง และกว่างแซม หลากหลายขนาด รวมไปถึงกว่างหายาก อย่างกว่าง 5 เขา ที่เรียกว่ากว่างซาง จนถึงกว่าง 3 เขา และกว่างแรด ที่มีรูปร่างคล้ายแรด ราคาขายมีตั้งแต่ 50-300 บาท ส่วนบางตัวที่มีลักษณะสวยเด่น รูปร่างลักษณะดี อาจขายได้ถึง 2,000 บาท ขณะที่กว่างบางตัวที่เคยเป็นแชมป์การแข่งชนกว่างได้รับถ้วยรางวัลหลายรายการ ตนเคยขายราคาสูงสุดถึงตัวละ 10,000 บาท ขณะที่เคยพบว่าในวงการกว่างนั้นร้านอื่นที่มีกว่างแชมป์เก่งๆ เคยมีค่าตัวสูงได้ถึงหลักแสนบาท ซึ่งตนยินดีให้ความรู้เรื่องกว่าง ทั้งการเลี้ยง การชน หรือวิธีการดูลักษณะกว่างดี ลักษณะเด่นของกว่างที่ชนเก่ง ให้แก่คนทั่วไปตลอดเวลาโดยไม่หวงวิชาด้วย

“ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพเป็นครูพละสอนเด็กนักเรียนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.พะเยา แต่ด้วยความรักและชื่นชอบในด้วงกว่าง จึงตัดสินใจออกมาประกอบธุรกิจส่วนตัวกับภรรยา ซึ่งพอถึงช่วงปลายฝนต้นหนาวของทุกปี ซึ่งเป็นฤดูที่ด้วงกว่างจะเจริญเติบโตเต็มไวและโผล่ออกมาจากดิน เพื่อออกมาผสมพันธุ์กับตัวเมีย ตนกับภรรยาก็จะอาศัยช่วงนี้ออกหาด้วงกว่าง มาจำหน่ายเพื่อเป็นรายได้เสริม ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อวัน และช่วงหลังตนและน้องชายยังมีการใช้เทคโนโลยีเป็นประโยชน์ โดยขายในเฟซบุ๊คอีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งมีผู้ที่สนใจเป็นจำนวนมากส่งขายทางไปรษณีย์มาแล้วทั่วประเทศ ขณะที่บางช่วงตนสามารถจำหน่ายกว่างกว่า 1พันตัวได้ภายใน 3 วัน สร้างรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งใน 1ปีจะสามารถจำหน่ายได้เพียงราว 100 วันเท่านั้น”นายเกรียงศักดิ์ กล่าว

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนได้ซื้อกว่างบางส่วนมาจากชาวบ้าน ในพื้นที่ดอยผาเบียด จ.ชัยภูมิ และ อ.แม่พริก จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่ดินดีอุดมสมบูรณ์มีธาตุเหล็กในดินสูง เหมาะแก่การเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ของกว่าง โดยตนอยู่ในวงการกว่างมากว่า 20 ปีจึงสังเกตจนพบว่ากว่างนั้นสามารถฝึกได้แต่ละตัวมีไหวพริบในการชนกับคู่ต่อสู้ไม่เหมือนกัน และเชื่อว่ากว่างแต่ละพื้นที่นั้นมีลักษณะไม่เหมือนกัน กว่างจากดอยผาเบียด เป็นกว่างที่ดีที่สุดแข็งแรงดุดัน ส่วนกว่างที่มาจากอ.แม่พริก มักจะตีหนัก ฉลาด มีเชิงมวย เป็นต้น ซึ่งกว่างตัวไหนที่มีทักษะต่อสู้เก่งกาจชนะหลายเวที บางส่วนตนก็จะไม่ขาย แต่เก็บไว้เพื่อเป็นพ่อพันธุ์ เพื่อจะได้ลูกที่มีลักษณะเด่นมาขายในปีถัดไป โดยแมลงปีกแข็งเหล่านี้จะมีอายุสั้น ประมาณ 90 วันหลังโผล่ขึ้นมาจากดินเท่านั้น

“นอกจากคนไทยแล้ว 2-3 ปีที่ผ่านมา ยังพบว่า คนต่างชาติโดยเฉพาะคนจีนและชาวยุโรป ก็ให้ความสนใจจำนวนมาก บางคนตั้งใจเดินทางจากต่างประเทศมาซื้อก็มี รวมทั้งยังทราบว่าในต่างประเทศเริ่มมีการนำกว่างไทยพันธุ์ดีไปเพาะพันธ์แล้วเช่นกัน ส่วนหนึ่งอาจช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับประเทศด้วย นอกจากนั้นสำหรับตน คิดว่า การชนกว่างไม่ใช่เป็นการทรมานสัตว์ เนื่องจากกว่างจะมีการชนกันเพื่อแย่งตัวเมียอยู่แล้วในธรรมชาติ และการเล่นชนกว่างนั้นมีกฎกติกาชัดเจน หากเล่นกันอย่างถูกต้อง กว่างก็จะไม่บาดเจ็บ รวมทั้งประเพณีการชนกว่างยังเป็นกลอุบายที่ช่วยให้มีการอนุรักษ์แมลงชนิดนี้ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รู้จัก ศึกษาเรียนรู้และอนุรักษ์การชนกว่าง ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นต่อไปอีกด้วย โดยตนสัญญากับตัวเองไว้ว่า จะขายกว่างต่อไปจนกว่าจะตายจากกันไป ถึงแม้ว่า กำไรจะน้อย หรือไม่มีใครมาซื้อก็ตาม”

อย่างไรก็ตาม นายเกรียงศักดิ์ ยังได้สาธิตการชนกว่างให้ชม โดยนำกว่างพ่อพันธุ์ ที่มีดีกรีแชมป์ 2 ตัวมาชนกันให้ดูอีกด้วย มีชื่อว่า บัวขาว ฝั่งซ้าย และ ดาร์ลี่ ฝั่งขวา ซึ่งบัวขาวได้ชื่อว่าบัวขาวเพราะไม่เคยแพ้ใคร และเป็นมวยจังหวะสอง คือมักจะปล่อยให้คู่ต่อสู้เข้าคามก่อน แล้วจึงฉวยจังหวะคู่ต่อสู่เผลอชิงความได้เปรียบเข้าคามคืนอย่างรุนแรง ซึ่งหลังจากใช้เวลาไม่ถึง 8 นาที บัวขาวก็สามารถชนะดาร์ลี่ได้ในที่สุด โดยยกดาร์ลี่ย์ลอยทั้งตัวก่อนปล่อยให้ร่วงตกจากสนามแข่ง ก่อนที่นายเกรียงศักดิ์ จะได้นำแบงค์พันห่อน้ำอ้อยมาป้อนให้บัวขาว เป็นการให้รางวัลแก่ผู้ชนะอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ อ.ดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ยังมีการเตรียมจัดงานมหกรรมกว่างโลก ซึ่งถือเป็นงานมหกรรมที่มีชื่อเสียงมากในพื้นที่ภาคเหนือ โดยในปีนี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 23-29 ตุลาคม 2559 ที่จะถึงนี้ บริเวณทางเข้าศูนย์ราชการอำเภอดอยหล่อ ซึ่งทุกปีบรรดาผู้ชื่นชอบมักจะเลือกเฟ้นหาด้วงกว่างที่มีลักษณะเด่น แข็งแรง เพื่อเข้าไปประกวดเป็นจำนวนมาก โดยด้วงกว่างที่เป็นที่นิยมนำมาชนกันจะเป็นด้วงกว่างสองเขา เนื่องจากลักษณะเขาที่มีเพียงแค่ 2 สามารถงัดกันได้เร็ว และรู้ผลแพ้ชนะง่ายกว่าด้วงกว่างชนิดอื่นๆ โดยการชนกันแต่ละครั้งยังมีการวางเงินเดิมพันกัน ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นบาทเลยทีเดียว