สตม.ช่วย21สาวไทยถูกหลอกบังคับค้ากามที่โอมาน

สตม.ช่วย21สาวไทยถูกหลอกบังคับค้ากามที่โอมาน

สตม.ช่วย21สาวไทยถูกหลอกบังคับค้ากามที่โอมาน - รวบ 3 หญิงไทยร่วมแก๊งค้ามนุษย์

ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาติชาย แตงเอี่ยม รองผบช.สตม. พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผบก.ตม.2 พ.ต.อ.จันทร์ชัย แดงประเสริฐ ผกก.ด่านตม.ทอ.กรุงเทพ และเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน กรุงเทพฯ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ หลอกหญิงไทยค้าประเวณีที่ตะวันออกกลาง จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย น.ส.สุภานัน หรือ เก๋ ยิ่งพิมาย อายุ 29 ปี น.ส.ณัฎฐณิชา หรือ ขนุน คงประเสริฐ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญารัชดาที่ 1781,1785/2559 ลงวันที่ 15 ก.ย. 59 ในข้อหา “สมคบกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นและเป็นผู้จัดหา” และ น.ส.ปาลิดา หรือลูกปลา กลีบบัว อายุ 26 ปี โดยสามารถจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ย่านมีนบุรี ส่วนนายโอมาร์ กับ นายหนวด (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลและสัญชาติ) อยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุม

พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวว่า สืบเนื่องจากนโยบายความมั่นคงของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เข้มงวดในการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะคนไทยที่ถูกหลอกไปขายตัวหรือบังคับใช้แรงงานต่างๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลมาว่ามีหญิงไทยจำนวน 3 คน ที่ถูกหลอกไปขายตัวในกรุงมัสกัด ประเทศโอมาน โดยหญิงไทยได้ขอความช่วยเหลือจากชาวอินเดียที่ไปเที่ยว ก่อนจะพากันหลบหนีและเข้าขอความช่วยไปยังสถานทูตไทย จนสามารถเดินทางกลับมายังประเทศไทยได้ จากนั้นจึงได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม.จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจโอมาน เพื่อวางแผนเข้าจับกุมและช่วยเหลือหญิงไทยดังกล่าว

ด้านพล.ต.ต.ธัชชัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางไปยังประเทศโอมาน และวางแผนกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโอมาน จนทราบสถานที่กักขังเหยื่อหญิงไทย ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นท์สูง 6 ชั้น จำนวน 2 อาคาร โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติโอมานได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจโอมานกว่า 100 นาย ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม. บุกทลายเข้าช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีได้จำนวน 21 คน และสามารถจับกุมคนร้ายได้ 3 คน ส่วนอีก 2 คนนั้นเป็นชาย(ไม่ทราบสัญชาติ)สามารถหลบหนีไปได้

พล.ต.ต.ธัชชัย กล่าวต่อว่า จากการสอบถามเหยื่อที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีทราบว่า ทางผู้ต้องหาจะเปิดเฟซบุ๊กชื่อ “พัทยา หางาน+รับสมัครงาน” เพื่อรับสมัครหญิงไทยไปทำงานในต่างประเทศ โดนหลอกว่าให้ไปเป็นหมอนวดในร้านสปา พร้อมอ้างว่าสามารถสร้างรายได้กว่า 1 แสนบาทต่อเดือน และไม่ต้องใช้เงินในการเดินทางไป เมื่อสมัครเข้ามาก็จะมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Ayesha Rani” ติดต่อให้ข้อมูล จากนั้นจะให้ติดต่อกับ น.ส.ปาลิดา หรือลูกปลา โดยมีการนัดเจอกันที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งทาง น.ส.ปาลิดา จะเป็นผู้นำตั๋วเครื่องบินมาให้ เมื่อไปถึงที่นั่น เหยื่อทั้งหมดก็จะถูกยึดพาสปอร์ตและตัดขาดจากการสื่อสาร โดยคนคุมจะบอกกับเหยื่อว่าได้เป็นหนี้กับทางร้านจำนวนเงิน 1,600 เรียลโอมาน หรือ ประมาณ 160,000 บาท ก่อนจะบังคับให้ค้าประเวณีตั้งแต่ 19.00 น.จนถึง 05.00 น. ของอีกวัน 

“พฤติการณ์คือจะบังคับให้ผู้เสียหายไปยืนข้างถนน หากหาแขกมาร่วมหลับนอนไม่ได้ ก็จะให้ยืนต่อไปจนกว่าจะมีแขก หากไม่ได้แขกอีกก็จะไม่ให้เข้าไปนอนในที่พัก โดยให้นอนข้างถนนแทน ส่วนเงินที่ได้จากแขกก็จะยึดไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เงินมีติดตัว เป็นการป้องกันการหลบหนี และต้องทำงานขายตัวใช้หนี้ไปประมาณ 2-3 เดือน โดยไม่มีการหยุดพัก ถึงจะคืนพาสปอร์ตและปล่อยให้เดินทางกลับ อย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้ถือว่าเป็นคดีแรก ที่เป็นการยกระดับในการเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการค้ามนุษย์ โดยได้มีการประสานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติในต่างประเทศ รวมถึงสถานทูตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนประสบความสำเร็จ” พล.ต.ต.ธัชชัย กล่าว