เอปสันโชว์วิชั่น10ปี ดันแวร์เอเบิล-หุ่นยนต์ปูทางรายได้ใหม่

เอปสันโชว์วิชั่น10ปี ดันแวร์เอเบิล-หุ่นยนต์ปูทางรายได้ใหม่

เอปสันเปิด "วิชั่น 2025" ย้ำความได้เปรียบเจ้าของเทคโนโลยีหัวพิมพ์อิงค์เจ็ท เตรียมนำร่องนวัตกรรมเครื่องพิมพ์รีไซเคิลกระดาษได้ในตัว

นายอลาสแตร บอร์น ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น เผยว่า เอปสันเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งในฐานะผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ และเติบโตมาจากตลาดพรินเตอร์สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แม้แนวโน้มพฤติกรรมการพิมพ์จะน้อยลงตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี 

แต่บริษัทยังคงยึด “ผู้บริโภค” เป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจ โดยปีนี้กลุ่มเอปสันประกาศวิชั่นองค์กร 10 ปี “เอปสัน 25” ซึ่งเป็นทิศทางที่จะเพิ่มโอกาสการเติบโตในตลาดองค์กรมากขึ้น โดยใช้เอ็นจิ้นสำคัญ 4 กลุ่ม คือ การพัฒนานวัตกรรมเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท, วิชวล เทคโนโลยี, แวร์เอเบิล และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ (โรโบติกส์)


นายบอร์น กล่าวว่า เทคโนโลยีอิงค์เจ็ท เป็นนวัตกรรมที่เอปสันพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และสร้างความได้เปรียบในฐานะเจ้าของเทคโนโลยีไมโคร ปิเอโซ่ และพริซิชั่นคอร์สำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท ซึ่งนอกจากโฟกัสกับการพัฒนานวัตกรรมแล้ว ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย โดยเร็วๆนี้ มีแผนเปิดตัว “เปเปอร์แล็บ” เครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบรีไซเคิล และผลิตกระดาษใหม่ได้ในตัว (Paper Made Recycling) และอยู่ระหว่างการพัฒนาเครื่องพิมพ์ 3มิติ ที่เอปสันตั้งเป้าสร้างความแตกต่างด้วยเครื่องพิมพ์ที่มีมาตรฐานสำหรับใช้พิมพ์วัสดุในภาคอุตสาหกรรมมากกว่าจะใช้พิมพ์พลาสติกทั่วไป


ทัั้่งผลักดันการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัลให้มากขึ้นทั้งป้ายดิจิทัล เครื่องพิมพ์สิ่งทอ และเครื่องพิมพ์ฉลาก เป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตมากสำหรับเอปสันจากตลาดเครื่องพิมพ์ดิจิทัลที่มีมูลค่ารวมกว่า 33 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน


พร้อมให้ความเห็นว่า แม้คู่แข่งในตลาดอย่างเอชพี จะประกาศซื้อกิจการพรินเตอร์ซัมซุง แต่ก็ไม่กระทบต่อเอปสันเนื่องจากเทคโนโลยีต่างกัน หรือเป็นกลุ่มเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ส่วนเอปสันแข็งแกร่งในตลาดอิงค์เจ็ท ทั้งยังเป็นเทคโนโลยีแนวโน้มเติบโตสูงสำหรับการพิมพ์ในองค์กร ซึ่งได้เปรียบเรื่องต้นทุนและคุณภาพงานพิมพ์ที่ดีเทียบกับการพิมพ์เลเซอร์ 

“ดีลเอชพี-ซัมซุง ไม่กระทบกับเราเพราะเป็นตลาดต่างกลุ่มกัน แต่เราก็ยังจับตามองอยู่ ขณะเดียวกัน ก็พัฒนานวัตกรรมและสร้างมุมมองใหม่ๆ การใช้งานอิงค์เจ็ทออกมาด้วย”


นอกเหนือจากการพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ ให้ “โปรเจคเตอร์”แล้ว ปีนี้เอปสันยังเตรียมเปิดตัว “โมเวอริโอ บีที-300” แว่นตาอัจฉริยะเวอร์ชั่น 3 ที่ใช้แผ่นโอแอลอีดีใหญ่ที่สุดซึ่งจะเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการใช้มองภาพเสมือนแบบออคเมนเต็ด เรียลิตี้ และน้ำหนักเบา เน้นการใช้งานสำหรับภาคธุรกิจ


ขณะเดียวกัน ขยายตลาดนวัตกรรมหุ่นยนต์สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต ล่าสุดเปิดตัวหุ่นยนต์แบบ 6 แกนรุ่นใหม่ที่มีระบบการทำงานที่แม่นยำและคล่องตัวกว่าเดิม


ผู้บริหารเอปสันระบุว่า ไทย, อินโดนีเซีย และเวียดนามเป็นตลาดสำคัญสำหรับการขยายธุรกิจโรโบติกส์ ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของภาคการผลิตที่ต้องการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้ามาทดแทนแรงงาน และสามารถทำต้นทุนได้ต่ำกว่าโรงงานจีน


นอกจากตลาดหุ่นยนต์ในภาคการผลิตแล้ว เอปสันยังมีแผนขยายไปยังตลาดอื่นๆ เช่น หุ่นยนต์สำหรับงานบริการ และเฮลธ์แคร์ด้วย


"ภาคการผลิตเผชิญปัญหาสำคัญสองอย่าง คือ แรงงานขาดแคลน และความต้องการเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับการผลิต เช่น การผลิตโทรศัพท์มือถือ ซึ่งยอดขายหุ่นยนต์เอปสันในภูมิภาคนี้เติบโตมาก มีองค์กรใหญ่นำไปใช้ รวมถึงในไทย"


นายบอร์น กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจเอปสันจะขยับสู่กลุ่มองค์กรมากขึ้น คาดว่าแผนดังกล่าวจะเพิ่มสัดส่วนรายได้องค์กร 40-45% ในปัจจุบันเป็น 60-70% และจะช่วยเพิ่มรายได้จาก 1.1 ล้านล้านเยนปีนี้เป็น 1.7 ล้านล้านเยนในปี 2568


สำหรับทิศทางในประเทศไทย นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ได้เริ่มเตรียมพร้อมสำหรับวิชั่นใหม่มาระยะหนึ่งแล้ว เน้นหาบุคลากรและทำงานร่วมกับคู่ค้าเพื่อรองรับตลาดใหม่ๆ เช่น หุ่นยนต์ เนื่องจากโมเดลธุรกิจจะต่างจากการซื้อขายเครื่องพิมพ์แบบเดิม รวมถึงการทำงานร่วมกับนักพัฒนาหรือซอฟต์แวร์เฮาส์เพื่อนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ของเอปสันไปใช้งาน