อสังหาฯหน้าใหม่โหมชิงตลาดหรู

อสังหาฯหน้าใหม่โหมชิงตลาดหรู

สมรภูมิอสังหาริมทรัพย์ “ไฮเอนด์” ยังร้อนแรง ไม่เพียงผู้เล่นรายหลัก แต่มีผู้เล่นหน้าใหม่ จ่อคิวเข็นโครงการใหม่ โค้งท้ายปี

อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ซีบีอาร์อี กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ตลาดคอนโดไฮเอนด์ ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม. 2 -2.5 แสนบาทขึ้นไป คาดว่าจะเปิดตัวมากขึ้น ทำให้ยอดรวมทั้งปีประมาณ 7,000 ยูนิต เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น รัฐบาลเริ่มการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่เห็นเป็นรูปธรรม ทำให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่น ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรก คอนโดไฮเอนด์ เปิดใหม่ 2,961 ยูนิต ลดลง 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2558 ที่เปิดกว่า 5,304 ยูนิต เนื่องจากความไม่เชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า

“ตลาดไฮเอนด์ในเมืองยังมีความต้องการ หากอยู่ในทำเลที่ดี ราคาเหมาะสม และสินค้าตอบโจทย์ทั้งกลุ่มซื้อลงทุนและอยู่อาศัย แตกต่างจากโครงการระดับกลาง-ล่าง ที่ชะลอตัว จากปัญหาใหญ่ โครงการรถคันแรกทำให้คนมีภาระหนี้ ทำให้กู้ซื้อบ้านไม่ได้”

สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า โครงการที่เปิดขายใหม่จากนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 1.5-2 แสนบาทต่อ ตร.ม. เพราะผู้ประกอบการมั่นใจว่าผู้บริโภคยังสามารถซื้อโครงการในระดับราคานี้ได้ และทำเลของโครงการกลุ่มนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเขตเมืองชั้นใน หรือว่าติดถนนสายหลัก หรือสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งทำให้ราคาที่ดินต่ำลง ในขณะที่โครงการที่มีราคาขายมากกว่า 2.5 แสนบาทต่อตร.ม.ขึ้นไปจะกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิทเป็นส่วนใหญ่ 

ทั้งนี้โครงการที่มีราคาขายมากกว่า 1.5 แสนบาทต่อตร.ม.ขึ้นไป ตั้งแต่ปี2557 จนถึงปัจจุบันมีทั้งหมด 14,257 ยูนิต น้อยกว่าโครงการที่มีราคาขายต่ำกว่า 1.5 แสนบาทต่อตร.ม. ไม่มากนัก มีอัตราการขายประมาณ 78% จึงทำให้ผู้ประกอบการเพิ่มความสนใจในตลาดนี้มากขึ้น อีกทั้งบางส่วนผู้ประกอบการนำไปขายที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในทำเลที่ต่างชาติรู้จัก เช่น สาทร สีลม สุขุมวิท รัชดาภิเษก เป็นต้น

โอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า โครงการใหม่ในครึ่งปีหลังของผู้ประกอบการอสังรายใหญ่ 9 ราย ได้แก่ แลนด์แอนด์เฮ้าส์, อนันดา, ศุภาลัย, พฤกษา, เอพี, เอสซี แอสเสท, และแอล.พี.เอ็น. ที่มีมูลค่ารวมกว่า 1.06 แสนล้านบาท เป็นคอนโดระดับราคาสูงกว่า 5 ล้านบาท รวมกันมากกว่า 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 58% ของมูลค่ารวมโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังของผูู้ประกอบการทั้ง 9 รายดังกล่าว

วิศิษฎ์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แผนลงทุนครึ่งปีหลัง เน้นโครงการระดับบน เพราะเห็นว่าตลาดที่ยังคงเติบโตได้ดี ต่างจากตลาดล่าง ที่ขายได้ช้า เพราะกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่ซัพพลายเหลือขายในตลาดมีอยู่ค่อนข้างมาก

ในช่วงไตรมาส 3-4 มีแผนเปิดตัว 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดหรู 1 โครงการ ในซอยสุขุมวิท 53 กว่า 100 ยูนิต ราคา 2.5-3 แสนบาทต่อตร.ม. มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท และที่เหลือเป็นแนวราบ 5 โครงการ จะเป็นบ้านเดี่ยวระดับบน 1 โครงการ แบรนด์“ดิ เอวา” สุขุมวิท 77 ราคา 30-80 ล้านบาท

เมธา อังวัฒนพาณิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยไฮเอนด์ยังมีความต้องการต่อเนื่อง เพราะลูกค้าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่มาก สะท้อนจากยอดขายแนวราบครึ่งปีแรก ระดับราคา 10-20 ล้านบาทเป็นตลาดขายดีที่สุด เพิ่มขึ้น 65% จากช่วงเดียวปีก่อน ด้วยจำนวน 1,053 ยูนิต รองลงมา คือ บ้าน 7-10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% ทำให้บริษัทมั่นใจที่จะเปิดเปิดโครงการบ้านหรูในเดือนต.ค.นี้ อีก 2 โครงการ คือ “เศรษฐสิริ ปิ่นเกล้า-กาญจนา” และโครงการบ้านเดี่ยว บนถนนราชพฤกษา มูลค่ากว่า 1,700 ล้านบาท

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่ายอื่นๆ ได้การทยอยเปิดตัวไปแล้ว อย่างเช่น โครงการ มิวนีค สุขุมวิท 23 ราคาเริ่มต้น 197 แสนบาทต่อตร.ม. ของบริษัท เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน), โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร ราคาเริ่มต้น 1.5 แสนบาทต่อตร.ม. ของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน), บริษัท ชาร์ม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ บนถนนรัชดาภิเษก เริ่มต้น 14.7 ล้านบาท