เสวนา10ปีรัฐประหารล่มก่อนเวลา หลังเสื้อแดงป่วนเวที

เสวนา10ปีรัฐประหารล่มก่อนเวลา หลังเสื้อแดงป่วนเวที

เวทีถกย่ำหยุดกับที่ 10ปีสังคมไทย ล่มก่อนเวลา หลังเสื้อแดงป่วนไล่ "แทนคุณ"

ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (NDM) กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD) และกลุ่มเสียงจากคนหนุ่มสาว จัดกิจกรรมเสวนาของคนรุ่นใหม่ และรุ่นเก๋า 10ปีรัฐประหาร49ในหัวข้อ “ย่ำหยุดอยู่กับที่ 10 ปีสังคมไทย” ที่ห้องประชุม ประกอบ หุตะสิงห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) นายอธึกกิต แสวงสุข คอลัมน์นิสต์ชื่อดัง เจ้าของนามปากกาใบตองแห้ง นางวริษา สุขกำเนิด เลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท นายจตุภัทร บุญภัทรรักษา ขบวนการประชาธิปไตยใหม่และนายปกรณ์ อารีกุล อดีตนักศึกษาม.บูรพา ขบวนการประชาธิปไตยใหม่

นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวปาฐกถาว่า การรัฐประหารปี 2549เป็นจุดเริ่มต้นวิกฤติครั้งใหญ่ของสังคมถือเป็นการสร้างวิกฤติที่กำลังดำเนินอยู่ โดยไม่รู้ว่า จะจบลงเมื่อใด ทั้งนี้การเล่นงานกลุ่มทักษิณจะจบสิ้นไหม ตนขอตอบว่า ไม่แน่ใจ แล้วก็แน่ใจไม่ได้ เพราะวิกฤติที่เกิดมาตลอด10นี้ยังไม่จบ

“รัฐประหารในครั้งนั้นมีการนำระบอบราชการมาบริการการเมืองแทนนักการเมืองในปี57 เมื่อทำลายระบบรัฐสภาเอาระบบการการเข้ามาแทนทำให้เกิดความล้าหลัง นอกจากนี้ระบบทหารและศาลถือเป็นส่วนสำคัญในการเปิดช่องให้ระบบราชการเข้ามาบริหารงานบ้านเมือง จากการฉีกรัฐธรรมนูญในการทำรัฐประหาร แล้วร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ร่างกี่ครั้งก็ไม่มีความหมาย เพราะร่างที่ทำขึ้นล้วนมาจากชนชั้นนำที่ทำตามอำเภอใจทั้งสิ้น ในท้ายที่สุดการจะมี รธน. หรือไม่มี ก็ไม่มีความหมาย” นายสุธาชัย กล่าว


ต่อมาในวงเสวนานายจตุรภัทร บุญภัทรรักษาหรือไผ่ดาวดิน นิสิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นกล่าวว่า ขอยอมรับว่า ตนเคยเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ไปขับไล่รัฐบาลทักษิณเมื่อปี2549เพราะเป็นความคิดเห็นทางการเมืองที่ต้องตรวจสอบรัฐบาล ปัจจุบันยอมรับว่าการออกมาขับไล่รัฐบาลในขณะนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด เพราะหลังจากเกิดรัฐประหารมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับชาวบ้าน จึงได้เห็นว่าชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เพราะศูนย์อำนาจหรือโครงสร้างอำนาจอยู่ที่ กทม. ชาวบ้านที่อยู่ต่างจังหวัดจึงไม่ได้รับการพัฒนาเท่ากับคนเมือง ทำให้รู้ว่าการรัฐประหารไม่ใช่เรื่องดี

ด้านนายปกรณ์ อารีกุล อดีตนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา และนักกิจกรรม กล่าวว่าเป็นการกระทำที่ผิดพลาด10ปี ก่อนตนเคยออกไปขับไล่ทักษิณ จึงถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายระบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยความไม่เดียงสาทางการเมือง จึงต้องขอโทษ ในวันนี้ตนขอวอนประชาชนที่ยังมีความกลัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มองนายทักษิณ เป็นเหมือนผีว่า อย่ากลัว เพราะปัญหาบ้านเมืองยังมีมากกว่านั้นอีก มาวันนี้คนรุ่นใหม่ไม่คิดว่าปัญหาของประเทศเป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นเราพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกฝ่ายแก้ปัญหา

ขณะที่นายอธึกกิต แสวงสุข คอลัมน์นิสต์ชื่อดัง เจ้าของนามปากกา “ใบตองแห้ง” กล่าวว่า การรัฐประหารเมื่อ2ปี หลายคนมองว่า เป็นการแก้ปัญหาประเทศ การโค่นอำนาจจากนายทักษิณ ในรูปแบบทางการเมืองนั้นถือว่าชนะมาแล้ว เพราะพรรคเพื่อไทย หรือขบวนการต่างๆ ของทักษิณ อาทิ กลุ่มคนเสื้อแดง นปช. ไม่มีทางเข้าสู่อำนาจอย่างน้อย5ปี

“ปัจจุบันสังคมมืดมิด มองไม่เห็นอนาคต ทำให้หยวนๆ กันไป เป็นการลากไปข้างหน้า ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนที่มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองในมุมของเขาเอง การพยายามยุติความขัดแย้ง โดยพยายามที่จะชนะพรรคการเมือง โดยไม่ให้เขาสู้ทางการเมือง รวมถึงกลุ่มการเมืองตามท้องถนนที่จะถูกยุติทั้งหมด โดยอ้างการพัฒนาประเทศ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ไทยแลนด์4.0การกระทำนี้เป็นการทำลายระบบการเลือกตั้ง โดยอ้างความอยู่รอดของประเทศ เอาเข้าจริงจะเหมือนกับว่า รัฐบาล คสช. ได้รับความนิยม แต่ความจริงนั้นไม่ใช่การรัฐประหาร49 ส่งผลให้สังคมอ่อนล้า ทำให้ประชาชนสิ้นหวัง มองไม่เห็นอนาคต ไม่เห็นหนทาง ประเทศไทยอยู่ในความสิ้นหวัง ปัจจุบันจึงเห็นว่าคนเดียวที่พึ่งพาได้ คือ พล.อ. ประยุทธ์ เพราะเขามีอำนาจควบคุมประเทศได้ เข้าใจว่า คนไปโหวตรับร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาชนธรรมดา เพราะเขากลัวกับอนาคตของสังคมไทย” นายอธึกกิต กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงต่อมาเป็นการเสวนาร่วมระหว่างนายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายสมบัติ โดยเป็นการตกลงที่จะสลับถามตอบกันในข้อสงสัยของกันและกัน

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเสวนา ได้เกิดความไม่พอใจกับคนที่เข้าร่วมรับฟัง โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมีบางคนตะโกนด่าทอเป็นระยะๆ จากนั้นเหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ โดยมีผู้ฟังลุกจากเก้าอี้ชี้หน้าตะโกนด่า พร้อมกับ ตะโกนว่า ไม่ฟัง และขับไล่นายแทนคุณ ต่อมาในเวลา16.13น. ผู้จัดงานได้ประกาศยุติการบรรยายและขอปิดงานก่อนเวลาที่กำหนดคือ17.30น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อยุติการบรรยายได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลกองบังคับอารักขา และควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) จำนวนหนึ่ง มาคอยรักษาความปลอดภัยและเฝ้าระวังเหตุที่อาจจะก่อให้เกิดความรุนแรงด้วย