นายกฯ ชูภูเก็ต'สตาร์ทอัพฮับ'

นายกฯ ชูภูเก็ต'สตาร์ทอัพฮับ'

"พล.อ.ประยุทธ์" นายกฯ ชูจ.ภูเก็ต เมืองแห่งนวัตกรรม เมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์ รองรับศูนย์กลางของนักรบธุรกิจใหม่

ที่โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ท แอนด์สปา ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน “สตาร์ทอัพไทยแลนด์และดิจิทัลไทยแลนด์ 2016 (Startup Thailand and Digital Thailand 2016)” ระดับภูมิภาค พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Phuket as Smart City & Startup Paradise”

โดยมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) คณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง นายจำเริญ ทิพญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการสตาร์อัพ เข้าร่วม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานสตาร์ทอัพไทยแลนด์และดิจิทัลไทยแลนด์ระดับภูมิภาคนี้ ได้จัดขึ้นตามเป้าหมายของรัฐบาลที่จะปลุกกระแสให้เกิดการสร้างผู้ประกอบการสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ขึ้นทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ไทยแลนด์ 4.0 และทำให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมไทย ซึ่งวันนี้ต้องยืนยันกับประชาคมโลกว่า ภูเก็ตพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่การเป็นเมืองอัจริยะ (Smart City) พร้อมกับเป็นศูนย์กลางที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการสตาร์ทอัพรุ่นใหม่และเป็นศูนย์กลางสตาร์ทอัพ (Startup Hub) ของภูมิภาคอาเซียนต่อไป

สำหรับงานระดับภูมิภาค ในจังหวัดเชียงใหม่นั้นได้แสดงให้เห็นศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลางของผู้ประกอบการกลุ่มเศรษฐกิจสร้างสรรค์และได้กำหนดจัดงานขึ้นภายใต้แนวคิด “ครีเอทีฟ วัลเลย์ (Creative Valley)” ซึ่งก็ได้การตอบรับจากประชาชนในภาคเหนือเหนือเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าร่วมชมงานแสดงนิทรรศการ ฟังปาฐกถาพิเศษและเสวนา รวมทั้งสิ้นกว่า 4,500 คน มีนิทรรศการของวิสาหกิจเริ่มต้นเข้าร่วมงาน จำนวน 60 ราย ซึ่งเป็นไปตามความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เกิดเป็นกลุ่มเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ไม่เพียงเท่านั้น ช่วงปลายสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงไอซีที ก็ได้จัดงานสตาร์ทอัพฯ ภูมิภาคขึ้นอีกครั้งในจังหวัดขอนแก่น ภายใต้แนวคิดแม่โขง คอนเน็ก (Mekong Connect) โดยเชื่อว่ากลุ่มจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานของไทยนั้น จะเป็นจุดเชื่อมสำคัญต่อการพัฒนาของประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งภายหลังการจัดงานสตาร์ทอัพที่ขอนแก่นนั้นถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี

เพราะเราได้รับความร่วมมือจากลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพจากกลุ่ม CLMVT ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว. พม่า เวียดนามและไทย ซึ่งได้รับการตอบเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าร่วมชมงานแสดงนิทรรศการ ฟังปาฐกถาพิเศษและเสวนา รวมทั้งสิ้นกว่า 7,300 คน พร้อมมีวิทยากรจากประเทศไทยและต่างประเทศ (สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม) กว่า 60 คน ถือเป้นความสำเร็จก้าวแรกที่เราจะขับเคลื่อนขอนแก่นและจังหวัดในภาคอีสานไปสู่ฐานเศรษฐกิจใหม่ เช่น การพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farmer) การพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) เป็นต้น และที่สำคัญในวันนี้ เราได้มาจัดงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์และดิจิทัลไทยแลนด์ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นจังหวัดที่มีตัวเลขการเติบโตของนักท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมา สูงถึง 13.2 ล้านคน โดยกว่า 9.5 ล้านคนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และสามารถสร้างรายได้รวมกว่า 313,300 ล้านบาท และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางยูเนสโกยังยกให้ภูเก็ตเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร (City of Gastronomy) ประจำปี 2558 โดยเป็น 1 ใน 18 เมืองทั่วโลกและเป็นเมืองแรกของไทยและอาเซียนอีกด้วย ซึ่งนั่นสะท้อนให้เห็นศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตในการเป็นเมืองนานาชาติ (International City) และรัฐบาลเองจึงมีหน้าที่ที่จะผลักดันให้เกิดการสร้างสภาพแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเพื่อจะรองรับการพัฒนาภูเก็ตในระยะต่อไป “ด้วยศักยภาพของจังหวัดภูเก็ต เมื่อเสริมกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของรัฐบาล ต่อไปภูเก็ตจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่เมืองที่ได้ยอมรับว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองอาหารชั้นนำ แต่ภูเก็ตจะเป็นเมืองแห่งนวัตกรรม เมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์ และเป็นศูนย์กลางของนักรบธุรกิจใหม่ หรือ สตาร์ทอัพฮับ อีกด้วย” พลเอก ประยุทธ์ กล่าว

นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะต่อยอดอุตสาหกรรมเดิมและต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ หรือเรียกว่า New S-Curve รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อให้ก้าวข้ามกับกับดักรายได้ปานกลาง และขณะนี้จังหวัดภูเก็ตเอง ถือเป็นจังหวัดนำร่อง ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและอุตสาหกรรมดิจิทัล หรือ ภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ โดยจะเห็นภูเก็ตเป็นสมาร์ทซิตี้ (Smart City) อย่างสมบูรณ์แบบให้ได้ในปี 2563 “ท้ายสุดนี้ หวังว่าภูเก็ตสมาร์ทซิตี้นี้ จะเป็นหนึ่งในศักยภาพสำคัญของการขับเคลื่อนแผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม และต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานโดยเฉพาะกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงไอซีที ที่ได้ให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนการจัดงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์และดิจิทัลไทยแลนด์ขึ้น หวังว่าการจัดงานสตาร์ทอัพฯ ในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ และสามารถสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตเพื่อเตรียมความพร้อมประเทศไทยให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศในอนาคตได้ยั่งยืนต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว