ม.เกษตรฯปัดรับน้องโหด ชี้เป็นกิจกรรมระหว่างเรียน

ม.เกษตรฯปัดรับน้องโหด ชี้เป็นกิจกรรมระหว่างเรียน

ม.เกษตรฯ ยืนยัน “น้องบอส” ไม่ใช่เหยื่อรับน้องโหด แต่เป็นกิจกรรมระหว่างเรียน ย้ำ!บ่อบำบัดไม่ใช่บ่อน้ำเสีย แค่บ่อน้ำฝนใช้ทำกิจกรรม

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กได้โพสต์ข้อความว่ามีรุ่นพี่คณะพาณิชย์นาวีนานาชาติ วิทยาเขตศรีราชา ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้จัดกิจกรรมรับน้อง ด้วยการให้รุ่นน้องดำน้ำในท่อบำบัดน้ำเสีย จนทำให้น้องบอส หรือนายโชคชัย ทองเนื้อขาว นิสิตชั้นปีที่ 1 จมน้ำอาการสาหัสต้องเข้ารับการรักษาอยู่ในห้อง ICU โรงพยาบาลชลบุรี

ล่าสุด ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ตนได้รับทราบเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน (วันที่ 10 ก.ย.2559) และได้มอบหมายให้รศ.ดร.ก่อโชค จันทวรางกูร รักษาการแทนรองอธิการบดี วิทยาเขตศรีราชา รวมถึงผู้บริหารที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปช่วยเหลือ เยียวยาทั้งนักศึกษา และครอบครัวของนักศึกษาอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันตนก็กำลังเดินทางไปโรงพยาบาลด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งเท่าที่ทราบข้อมูลเบื้องต้นไม่ได้เป็นกิจกรรมรับน้อง แต่เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในระหว่างการเรียนที่เกิดจาพี่สายรหัสดูแลน้องรหัส เนื่องจากนิสิตที่เรียนคณะพาณิชย์นาวีนานาชาติ ทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรม การเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นมาทุกปีและจะมีอาจารย์ตอบดูแลอย่างใกล้ชิด อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่า ไม่มีการบังคับข่มขู่ หรือเป็นกิจกรรมรุนแรง แต่ทั้งนี้มหาวิทยาลัยก็จะไม่ปัดความรับผิดชอบ จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากรุ่นพี่ หรืออาจารย์ที่เกี่ยวข้องมีความประมาทเลินเล่อในการจัดกิจกรรม ทางมหาวิทยาลัยก็จะดำเนินการตามความผิด และช่วยเหลือนิสิตคนดังกล่าวอย่างเต็มที่

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมีการแชร์ในโลกโซเซียลนั้น บางเรื่องราวก็ไม่ได้เป็นความจริง อย่าง บ่อน้ำที่เกิดเหตุ ขอยืนยันว่าไม่มีใช่บ่อบำบัดน้ำเสีย หรือบ่อสารเคมี แต่อย่างใด เป็นบ่อน้ำฝนที่มหาวิทยาลัยใช้ฝึกปฎิบัติ และทำกิจกรรมต่างๆ ของคณะพาณิชย์นาวีอยู่แล้ว เพราะคณะนี้ต้องทำกิจกรรมเกี่ยวข้องกับน้ำ ซึ่งในวันที่เกิดขึ้นก็ไม่แน่ชัดว่าสภาพร่างกายของนิสิตเป็นเช่นใด ทางมหาวิทยาลัยจะตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และรับผิดชอบอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ขอให้นิสิตปลอดภัยก่อน”อธิการบดี มก.และว่ามก.ได้มีการประกาศนโยบายการรับน้องสร้างสรรค์ ทำความเข้าใจกับคณาจารย์ และรุ่นพี่ทุกคณะ ทุกวิทยาเขตของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะการไม่มีการกิจกรรมรุนแรง การข่มขู่บังคับ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

รศ.ดร.ก่อโชค กล่าวว่า นิสิตคณะพาณิชย์นาวีนานาชาติ ต้องมีการฝึกปฎิบัติที่เกี่ยวข้องกับน้ำ การเดินเรือ การขนส่งทางทะเล โดยกิจกรรมที่เกิดขึ้น ไม่ใช่กิจกรรมรับน้องรุนแรง หรือกิจกรรมรับน้องโหด แต่เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมระหว่างการเรียน เพื่อทดสอบความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจที่จะปฎิบัติงานบนเรือและทะเล ส่วนกรณีบ่อบำบัดน้ำเสีย เรื่องนี้ไม่เป็นเรื่องจริง บ่อดังกล่าวเป็นบ่อเก็บน้ำฝน รวมถึงไม่มีการบังคับข่มขู่ให้เข้าร่วม และทุกกิจกรรมจะมีอาจารย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัย กำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยจากการสอบถามรุ่นพี่ นิสิตรุ่นน้อง และอาจารย์ เบื้องต้น ทุกคนเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อเกิดเหตุก็ได้ลงไปช่วยเหลือนิสิตคนดังกล่าวทันที แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเหตุการณ์เป็นเช่นใด

“ขอยืนยันว่ากิจกรรมดังกล่าวไม่ใช่กิจกรรมรับน้อง แต่เป็นกิจกรรมที่นิสิตฝึกปฎิบัติเป็นประจำอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนวันรับน้องกลางของมหาวิทยาลัย 1 วัน จึงทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นกิจกรรมรับน้อง อย่างไรก็ตาม ตลอด1 เดือน ก่อนเปิดภาคเรียน นิสิตคณะพาณิชย์นาวีทุกคนจะต้องฝึกปฎิบัติ ฝึกความเข้มแข็งของร่างกาย และมีหลายกิจกรรมที่รุ่นพี่สายรหัสและรุ่นน้องต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังนั้น กรณีที่เกิดขึ้น ผมไม่อยากให้โทษว่าเป็นความผิดของใคร และมหาวิทยาลัยก็ได้ช่วยเหลือ ดูแลทั้งนิสิต และครอบครัวของนิสิตอย่างเต็มที่ ตอนนี้เราขอให้อาการของนิสิตปลอดภัยก่อน โดยในส่วนของนิสิตนั้น อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ขณะที่พ่อแม่ ทางมหาวิทยาลัยได้เข้าไปให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงต่างๆ พูดคุยทำความเข้าใจ และจะช่วยเหลือรักษาพยาบาลนิสิต เพราะ นิสิต มก.ทุกคนก็เหมือนลูกหลานของมก.”รศ.ดร.ก่อโชค กล่าว

น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า ตนทราบเรืองดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างติดต่อไปยังผู้บริหารมหาวิทยาลัย เพื่อขอให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ดังนั้นตอนนี้คงไม่สามารถบอกได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของใครบ้าง ขอรอฟังเหตุผลของทางมหาวิทยาลัยก่อน แต่ที่สำคัญขอกำชับให้มหาวิทยาลัยดูแลนักศึกษาที่ประสบอุบัติเหตุให้ปลอดภัยก่อน