ตลาดเตือนเกาะติดสถานการณ์ โบรกคาดฟันด์โฟลว์ไหลออกระยะสั้น

ตลาดเตือนเกาะติดสถานการณ์ โบรกคาดฟันด์โฟลว์ไหลออกระยะสั้น

ดัชนีหุ้นไทยทำจุดต่ำสุดรอบ 2 เดือน ร่วง 31จุด โบรกเกอร์ชี้เปลี่ยนเทรนระยะสั้นเชื่อแนวโน้มเงินทุนไหลเข้าชะลอตัว และอาจไหลออกช่วงสั้น

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8 ก.ย.) ร่วงลงทำจุดต่ำสุดรอบ 2 เดือนและปิดตลาดที่ 1 ,455.38 จุด ลดลง 31.82 จุด หรือ 2.14% ระหว่างวันลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 1,451.46 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 8.15 หมื่นล้านบาท

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัย บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่รอบสัปดาห์ ทำให้ตลาดหุ้นเปลี่ยนจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลงช่วงสั้น โดยเป็นการขายเพื่อลดความเสี่ยง จากความไม่แน่นอนของกระแสข่าวในประเทศ

ขณะที่แม้มีเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้า แต่ในสัดส่วนที่ลดลง ส่วนฟุตซี่ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย 14 บริษัท แต่เงินทุนต่างชาติกลับไหลเข้าน้อยกว่าที่คาดไว้จะเข้า 30,000 ล้านบาท

“หลังจาก 16 ก.ย. นี้ อานิสงส์จากการปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยของฟุตซี่น่าจะหมดลง ขณะที่ 2 เดือนที่ผ่านมา ต่างชาติมีสถานะขายสะสมในตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นสัญญาณการชะลอของทุน”

ประเมินแนวรับที่ 1,450-1,460 จุด หากนักลงทุนมีหุ้นอยู่แนะนำรอขายหากหุ้นไทยฟื้นตัวช่วงสั้น

ด้านนายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นไทยลงแรงเพราะนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปีนี้จะไม่โตตามคาดการณ์ที่ 3.5% หลังตัวเลขเดือน ก.ค. เริ่มอ่อนตัวลง ช่วงนี้ต้องระวังเงินทุนไหลออก เพราะนักลงทุนเริ่มสนใจตลาดหุ้นญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ เพราะมีราคาถูกกว่าหุ้นไทย

ขณะที่ข่าวลือเป็นเพียงปัจจัยรอง เพราะหุ้นไทยขึ้นมาสูง เมื่อมีปัจจัยลบเพียงเล็กน้อยตลาดหุ้นก็พร้อมปรับตัวลงได้ มองดัชนีแนวรับที่ 1,438 จุด หากลงมาในระดับนี้ให้นักลงทุนทยอยซื้อได้

ทั้งนี้ ปริมาณการขายสะสมของต่างชาติในสัญญาเซ็ท 50 อินเด็กซ์ ฟิวเจอร์ ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาขายสุทธิ 2.9 หมื่นสัญญา ขณะที่ตลอดทั้งปีซื้อสุทธิ 1.24 แสนสัญญา

ด้านนายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับลงแรงช่วงนี้ เกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก โดยอย่างแรก ก่อนหน้านี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมารวดเร็ว จึงเกิดการพักฐาน อย่างที่สอง มีการปล่อยข่าวลือเชิงลบออกมาเพื่อขายทำกำไร แต่ตามพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนยังมีความแข็งแกร่ง จากตัวเลขผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ขอให้นักลงทุนติดตามข่าวสาร และระมัดระวังการลงทุน เพราะตลาดหุ้นเปราะบางอยู่ โดยกลยุทธ์การลงทุนควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับตัวผู้ลงทุนเองว่าเป็นนักลงทุนประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไร หรือลงทุนระยะยาว