ยักษ์ไอทียุคพีซีปรับใหญ่ 'เดลล์-อินเทล-เอชพี'

ยักษ์ไอทียุคพีซีปรับใหญ่ 'เดลล์-อินเทล-เอชพี'

ยักษ์ไอทียุคพีซีปรับทัพรับโลกเปลี่ยน ผุด'เดลล์ เทคโนโลยีส์'หลังควบอีเอ็มซี-อินเทลดันแมคอาฟีเป็นอิสระ ฟาก "เอชพี"ปลดซอฟต์แวร์ออกจากธุรกิจหลัก

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ไมเคิล เดลล์ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เดลล์ ขึ้นนั่งประธานบอร์ดวีเอ็มแวร์ทันทีที่ดีลการควบรวมอีเอ็มซี ที่รวมถึงวีเอ็มแวร์เสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการด้วยมูลค่า 67,000 ล้านดอลลาร์

ส่งผลให้ไมเคิล เดลล์ครองตำแหน่งทั้งประธาน และซีอีโอของบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ เดลล์ เทคโนโลยีส์ (Dell Technologies) ขณะที่ นายโจเซฟ ทุสซี่ อดีตประธานบอร์ดของวีเอ็มแวร์ประกาศลาออก พร้อมกับนายจอห์น อีแกน ผู้อำนวยการของบอร์ดวีเอ็มแวร์

"พวกเราอยู่ในยุครุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม โลกของเรากำลังฉลาดขึ้น และเชื่อมต่อกันมากขึ้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีท้ายที่สุดทุกอย่างจะเชื่อมเข้าหากันหมดด้วยอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ ทำให้ลูกค้าเราทำในสิ่งที่เหลือเชื่อได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงได้มี เดลล์ เทคโนโลยีส์ เรามีโปรดักส์ มีบริการที่มีความสามารถพิเศษ และในระดับโลกเราเป็นผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลง และเป็นผู้แนะแนวทางให้ลูกค้าทุกระดับบนเส้นทางดิจิทัล"

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีนักวิเคราะห์ ระบุว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาในองค์กรสูง เนื่องจากวัฒนธรรมองค์กรแตกต่างกัน แต่ถ้าแก้ปัญหานี้ได้ก็จะเป็นการควบรวมที่เหมาะสมที่สุดเนื่องจากมีธุรกิจที่เกื้อหนุนกัน

ในวันเดียวกันบริษัท อินเทล ตัดสินใจขายหุ้น 51% ของหน่วยธุรกิจ อินเทล ซิเคียวริตี้ ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ทีพีจี ด้วยมูลค่า 3.1 พันล้านดอลลาร์ โดยอินเทลยังรักษาหุ้น 49%ไว้ โดยบริษัทใหม่จะกลับมาใช้ชื่อแมคอาฟีเหมือนเดิม และมีสถานะเป็นบริษัทอิสระที่ไม่ขึ้นกับอินเทล ส่วนธุรกิจความปลอดภัยของอินเทลเกิดจากการเข้าซื้อบริษัทแมคอาฟีเมื่อราวปี 2554 ด้วยจำนวนเงินราว 7.68 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่ บริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพร์ซ หรือเอชพีอี (HPE) ประกาศแผนขายและควบรวมธุรกิจซอฟต์แวร์ ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไปให้บริษัทไมโคร โฟกัส บริษัทซอฟต์แวร์สัญชาติอังกฤษ ดีลนี้เอชพีอีจะได้เงินสด 2.5 พันล้านดอลลาร์ และหุ้นของไมโคร โฟกัส 50.1% คิดเป็นมูลค่า 6.3 พันล้านดอลลาร์ รวมแล้วราว 8.8 พันล้านดอลลาร์

นางเมค วิธแมน ซีอีโอเอชพีอี ระบุว่า ดีลนี้จะทำให้บริษัทโฟกัสกับธุรกิจที่เติบโตได้ดีมากขึ้น ขณะที่ซอฟต์แวร์ตัวสำคัญก็ไม่ได้ขายออกไป

เอชพีอียังรักษาเครื่องมือสำหรับสนับสนุนคลาวด์องค์กร และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน แต่จะแยกเครื่องมือสำหรับการบริหารจัดการแอพพลิเคชั่น บิ๊กดาต้า ซิเคียวริตี้ในระดับเอ็นเตอร์ไพร์ส การบริหารจัดการข้อมูล บริหารจัดการระบบไอที ออกไปเท่านั้น

“ฉันต้องการให้มันชัดเจนมากขึ้น เอชพีอี จะไม่ออกจากอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์”