Daily Market Outlook (6 ก.ย.59)

Daily Market Outlook (6 ก.ย.59)

พักฐาน

คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบ นักลงทุนชาวไทยประเมินสถานการณ์โดยรวมใหม่หลังหุ้นไทยร่วงหนักเมื่อวาน สวนทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ล้วนปรับตัวขึ้นหลังจากความกังวลว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยคลายลง สถาบันในประเทศขายหุ้นไทยอย่างหนัก กดดันดัชนีร่วงลงไป ณ จุดหนึ่งเกือบ 3% ก่อนจะตีกลับมาปิดลดลง 1.9% นักลงทุนต่างชาติกลับเป็นผู้ซื้อสุทธิ 2.5 พันล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิรวมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วบวกเมื่อวานกว่า 1.1 หมื่นล้านบาทไปแล้ว วันนี้ไม่มีการชี้นำทิศทาง ตลาดจากสหรัฐเนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันหยุดราชการ


หุ้นเด่นวันนี้: EGCO (ราคาปิด 198.50 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 220.18 บาท)


บมจ. ผลิตไฟฟ้าไม่เพียงแต่มีความโดดเด่นในแง่ของการเป็น Defensive play ที่ดีด้วยค่า Beta ที่ต่ำเพียง 0.21 แต่ยังมีความน่าสนใจในแง่ของการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน รวมถึงผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ กำลังการผลิตไฟฟ้าของ EGCO ในระดับปัจจุบันที่ 4,049 เมกะวัตต์ (ตามสัดส่วนการถือหุ้น) ยังสามารถเติบโตได้จากโครงการลงทุนในมือที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว 941 เมกะวัตต์ (ตามสัดส่วนการถือหุ้น) ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงของการก่อสร้างและพัฒนาโครงการในช่วง 3-4 ปีข้างหน้านี้ ประกอบกับ Upside การเติบโตใหม่ๆ ในอนาคตจากความต้องการใช้ไฟฟ้าในภูมิภาคที่กำลังเติบโตสูง โรงไฟฟ้าก๊าซฯ ขนอมหน่วยที่ 4 ขนาดกำลังการผลิต 930 เมกะวัตต์ (ถือหุ้น 100%) ซึ่งจะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในเดือน มิ.ย. นี้จะเป็นบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 91% YoY (อ้างอิง Bloomberg consensus) จากผลการดำเนินงานปีที่แล้วซึ่งถูกกดดันจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนและการหยุดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของโรงไฟฟ้า ขณะที่ยังเห็นการเติบโตอย่างยั่งยืนของกำไรสุทธิต่อเนื่องอีก 16% YoYในปี 2560 และ 6% YoYในปี 2561 จากการทยอยผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าในมือตามแผนข้างต้น อัตราเงินปันผลยังน่าสนใจที่ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ระดับราว 4.0% p.a. ในส่วนของ Price Pattern ของ EGCO ยังอยู่มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ EGCO คาดว่ายังมีโอกาสที่จะได้เห็นการทำ New High ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายถัดไปของการทำ New High อยู่ที่ 222 บาท ทั้งนี้ EGCO มีจุด Stop Loss ระยะสั้นในรอบนี้อยู่ที่ 194.50 บาท (แนวต้าน: 200.00, 203.00, 205.00; แนวรับ: 196.50, 194.50, 192.00)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ไทยและปากีสถานตั้งเป้า FTA ในปีหน้ากรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จะนำทีมเจรจาผ่ายไทยเข้าหารือกับปากีสถานเป็นครั้งที่สี่ในประเด็นการเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงวันที่ 6-8 ก.ย. นี้ โดยตั้งเป้าจะให้ได้ข้อสรุปข้อตกลงเสรีการค้าภายในปีหน้า ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งเสริมการค้าการลงทุน และความร่วมมือระหว่างสองประเทศเท่านั้น แต่ยังจะช่วยให้แต่ละฝ่ายสามารถที่จะขยายตลาดไปยังภูมิภาคเอเชียใต้และภูมิภาคอาเซียนได้เช่นกัน (The Nation)

• ธนาคารเตรียมปล่อยสินเชื่อสนับสนุนผู้ประกอบการโรงแรมนาย ปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยกล่าวว่ากลุ่มสมาชิกธนาคารเห็นชอบที่จะให้สินเชื่อสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการโรงแรมเพื่อนำไปใช้ปรับปรุงโรงแรมและสินทรัพย์ของตนเอง โดยสินเชื่อดังกล่าวจะให้วงเงินกู้ที่สูงขึ้นรวมไปถึงระยะเวลาชำระหนี้ที่ยาวนานกว่า ขณะที่อัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร (The Nation) ความเห็น: ประเด็นดังกล่าวเชื่อว่าจะช่วยเสริมและสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจให้ยิ่งเติบโตดีขึ้น

• กกร. คงเป้าการเติบโต GDP ปีนี้สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร) ยังคงคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ไว้อยู่ในกรอบ 3-3.5% และภาคการส่งออกที่ 0% ถึงติดลบ 2% แม้ว่า GDP งวด 2Q59 จะประกาศออกมาดีกว่าคาดแต่มองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มชะลอในเดือนก.ค. ซึ่งรวมไปถึงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (The Nation)

ต่างประเทศ

• ผู้นำจี 20 เห็นพ้องอย่างกว้างๆ ณ ที่ประชุมซัมมิตในจีนเมื่อวันจันทร์ ในความร่วมมือด้านนโยบายเศรษฐศาสตร์มหภาคต่างๆ และต่อต้านการกีดกันทางการค้า แต่มีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมเพียงเล็กน้อยสำหรับรับมือกับความท้าทายที่มากขึ้นเรื่อยๆต่ อการค้าเสรี อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้นำเห็นพ้องที่จะทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับปัญหาการผลิตเหล็กกล้าที่มีมากเกินไปจนส่งผลให้ราคาเหล็กกล้าทั่วโลกมีราคาตกต่ำ หนึ่งในประเด็นในการประชุมที่มีความคืบหน้าคือการปกป้องสิ่งแวดล้อม (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับเงินเยนเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ทำให้นักลงทุนผิดหวังต่อเนื่องจากไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักเกี่ยวกับการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในการประชุม BOJ ในวันที่ 20-21 ก.ย. แม้ว่าจะส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะใช้นโนบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป ดอลลาร์สหรัฐ ตลาดเงินนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 5 ก.ย.เนื่องในวันแรงงานของสหรัฐ อ่อนค่าลง 0.8% อยู่ที่ระดับ 103.15 เยน (Reuters)

สหรัฐ:

• ตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการเมื่อวันจันทร์ เนื่องในวันแรงงานของสหรัฐและจะเปิดทำการซื้อขายในวันนี้ (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ปรับตัวลดลงหลังจากในระหว่างวันแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากความคาดหวังในการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ก่อนที่หุ้นกลุ่มพลังงานจะฉุดตลาดลงหลังนักลงทุนมองว่าการเจรจาระหว่างซาอุฯ และรัสเซียเพื่อควบคุม Supply น้ำมันดิบนั้นยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอ (Reuters)

• กิจกรรมทางเศรษฐกิจของยูโรโซนชะลอลงเล็กน้อยในเดือนส.ค. Markit Economics ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซน อยู่ที่ 52.9 ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบกับตัวเลขเบื้องต้นที่ 53.3 และตัวเลขเดือนก.ค.ที่ 53.2 โดยกิจกรรมภาคการผลิตขยายตัวน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ขณะที่กิจกรรมภาคการบริการขยายตัวน้อยที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2558 ในส่วนของดัชนีชี้วัดกิจกรรมภาคธุรกิจบริการในยูโรโซนอยู่ที่ 52.8 เทียบกับตัวเลขประเมินก่อนหน้าที่ 53.1 และตัวเลขเดือนก.ค.ที่ 52.9 (Reuters)

เอเชีย:

• กิจกรรมภาคบริการของญี่ปุ่นตกกลับเข้ามาในโซนบ่งชี้ถึงการหดตัว: กิจกรรมภาคการให้บริการที่ปรับค่าฤดูกาลแล้วของญี่ปุ่นลดลงในเดือน ส.ค. สู่ 49.6 เป็นการลดลง หลังจากที่มีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือน ก.ค. ที่ 50.4 (IHS Markit)

• ค่าจ้างที่แท้จริงของญี่ปุ่นในเดือน ก.ค.มีการเติบโตสูงสุดในรอบหกปี ซึ่งเมื่อพิจารณาการปรับค่าจ้างตามอัตราเงินเฟ้อในเดือน ก.ค. ก็จะมีอัตราเพิ่มขึ้น 2.0%YoY ที่ยังคงเป็นแนวโน้มต่อเนื่องจากเดือน มิ.ย. ที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.2553 ซึ่งอัตราค่าจ้างในเดือน มิ.ย.ที่ปรับตัวเลขแล้วเพิ่มขึ้น 2.0% จากการประกาศครั้งก่อนว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 % (Reuters)

• จีนและญี่ปุ่นเห็นพ้องกันในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าจะปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัน แม้จะยังคงอยู่ในความขัดแย้งกันจากความเจ็บปวดของสงคราวในประวัติศาสตร์ของพวกเขาและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในดินแดนของทะเลจีนตะวันออก (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ก่อนปิดบวกเมื่อวันจันทร์ หลังจากผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกคือซาอุดิอาระเบียและรัสเซียได้จับมือกันรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน และเพิ่มความหวังในการจำกัดปริมาณการผลิตในอนาคต สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเบรนท์ที่มีกำหนดส่งมอบในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ต่อบาร์เรลอยู่ที่ระดับ 47.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งก่อนหน้านี้แตะระดับสูงสุดในระหว่างการซื้อขายที่ 49.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงสุดนับแต่วันที่ 30 ส.ค. จากการตกลงร่วมมือกันของซาอุฯ และรัสเซีย สัญญาน้ำมันดิบที่มีกำหนดส่งมอบในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 73 เซนต์อยู่ที่ระดับ 45.17 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากแตะถึงระดับสูงสุดที่ 46.53 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงก่อนหน้านี้ (Reuters)

• ราคาทองคำอยู่ในระดับทรงตัวเมื่อวันจันทร์ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ของการซื้อขายในช่วงก่อนหน้า ราคาทองคำได้ปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนลดความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่ราคาทองคำได้รับผลจากราคาหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวขึ้น ราคาทองคำ (spot gold) เพิ่มขึ้น 0.1% อยู่ที่ 1,326.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองฟิวเจอร์เพิ่มขึ้น 0.3% อยู่ที่ 1,330.7 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)