'อัมพร' ปัดทุกข้อหา หลังทหารคุมตัวคดีระเบิด

'อัมพร' ปัดทุกข้อหา หลังทหารคุมตัวคดีระเบิด

ทหาร-ตร.รวบ "อัมพร" ผู้ต้องหาพัวพันคดีระเบิดพื้นที่มีนบุรีปี57-สมานเมตตาแมนชั่น เจ้าตัวปัดทุกข้อหา ชี้หมายจับเก่า ทำไมเพิ่งจับ

เมื่อเวลา 22.30 น. เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ (สนามบินดอนเมือง) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ร่วมกันควบคุมตัว นางอัมพร ใจก้อน หรือครูแขก อายุ 56 ปี ที่อยู่ 78/1 หมู่ 5 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 948/2557 ลงวันที่ 15 ต.ค. 57 ข้อหา “ร่วมกันทำประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะซื้อ มีใช้สิ่ง หรือนำเข้าวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ,ร่วมกันทำให้เกิดระเบิด เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย” โดยจับกุมได้ที่บ้านพักในจ.เชียงใหม่

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 มี.ค.57 ได้เกิดเหตุระเบิดที่บ้านไม่มีเลขที่ ซ.ราษฎร์อุทิศ 25 พื้นที่สน.มีนบุรี จนมีผู้ถึงแก่ความตาย ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับผู้ต้องหา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ภาค 5 และเจ้าหน้าที่ทหารสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบมาพักอาศัยที่บ้านพักดังกล่าว จึงได้สนธิกำลังเข้าจับกุมได้เวลาประมาณ 14.00 น. ของวันนี้(31 ส.ค.) นำส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านน.ส.เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความของนางอัมพร ใจก้อน หรือครูแขก ซึ่งเคยตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 412/2554 ลงวันที่ 15 มี.ค.2554 ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนฯ จากเหตุการณ์ระเบิดที่ สมานเมตตา แมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อปี 2553 เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 31 ส.ค. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.หางดง จ.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้เดินทางไปที่บ้านพักของนางอัมพร ใจก้อน หรือครูแขก ในอ.หางดง จ.เชียงใหม่ ก่อนคุมตัวตามหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ลงวันที่ 15 ต.ค. 57 ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนฯ และจะนำตัวเข้ามาที่กรุงเทพมหานคร

น.ส.เบญจรัตน์ เปิดเผยต่อว่า หลังจากเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ระเบิดที่ซ.ราษฎร์อุทิศ 25 ย่านมีนบุรี เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 57 เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำตัวนางอัมพรมาสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมทั้งนำพยานมาชี้ตัวแล้วปรากฎว่าไม่ใช่ นอกจากนี้ก็ได้หาพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม ประกอบกับการนำลายนิ้วมือไปตรวจเทียบ ก็ไม่พบหลักฐานการกระทำผิดจากนั้นก็ได้ปล่อยตัว โดยเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 57 ตำรวจได้จับกุมนางอัมพร ใจก้อน หรือครูแขก ผู้ต้องหาในคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทองปี 2553 ได้ที่เชียงใหม่ จากนั้น 28 เม.ย.57 เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนเกี่ยวกับคดีสมานเมตตาแมนชั่น ก่อนที่จะส่งตัวให้กับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ซึ่งในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มีนบุรีได้จับกุมตามหมายจับของดีเอสไอทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมหลังจากที่มีการส่งตัวไปให้ดีเอสไอแล้ว เมื่อมีหมายจับทำไมไม่ไปอายัดตัวตั้งแต่ตอนนั้น จนเวลาผ่านไป ซึ่งนางอัมพรไม่ทราบมาก่อนว่ามีหมายจับและไม่เคยได้รับหมายเรียกเลย และนางอัมพรไม่มีพฤติการณ์หลบหนี อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังมีเบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ที่สามารถติดต่อกับนางอัมพรได้ และเจ้าหน้าที่ได้เคยสอบสวนนางอัมพรไปแล้วซึ่งทราบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทำไมจึงถูกควบคุมตัวอีก

น.ส.เบญจรัตน์ เปิดเผยต่ออีกว่า ตนต้องขอสอบถามพนักงานสอบสวนในคดีนี้ก่อนว่าจะให้ประกันตัวได้เลยหรือไม่ หรือต้องไปประกันตัวในชั้นศาล เรื่องคดีควรจะจบตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่พอใกล้ถึงวันสืบพยานกลับมีการไปจับตัว ทั้งนี้ในวันที่ 13-16 ก.ย. นี้ จะมีการนัดสืบพยานขึ้นศาลในคดีรถจักรยานยนต์ระเบิดที่ซ.ราษฎร์อุทิศ 25 ย่านมีนบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การควบคุมตัวครั้งนี้อาจโยงไปเหตุระเบิด 7 จว.ภาคใต้หรือไม่ น.ส.เบญจรัตน์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เชื่อว่าเหตุระเบิดมีเกิดขึ้นหลายครั้ง หากจะมีการเชื่อมโยงจริง จะต้องมีการเชิญตัวมาสอบถาม แต่ที่ผ่านมาไม่มีการเชิญตัวเลย

ต่อมาเมื่อเวลา 23.45 น. วันที่ 31 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.มีนบุรี ได้ไปรับตัวนางอัมพร ใจก้อน หรือครูแขก จากสนามบินดอนเมือง มายังสน.มีนบุรี เมื่อมาถึงสน.มีนบุรีเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนางอัมพรเข้าไปในห้องฝ่ายสืบสวนสน.มีนบุรี ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน และฝากขังที่ห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาสน.มีนบุรี

นางอัมพร กล่าวว่า ตนขอปฏิเสธทุกกล่าวหาข้อหา ครั้งนี้ถูกจับเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ตนไม่ทราบว่าใครจะไปก่อเหตุที่ไหนอย่างไร เคยมีหมายเรียกเชิญไปให้ปากคำครั้งเดียวเมื่อครั้งเหตุปี 53 ตนเป็นคนไทยเคารพกฎหมายยินดีพูดคุยทั้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหาร ตนไม่ทราบมาก่อนว่ามีหมายจับของสน.มีนบุรี ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีการแจ้ง แต่ยินดีให้ความร่วมมือให้ปากคำ

ด้านน.ส.เบญจรัตน์ เปิดเผยว่า จากการรายงานของผู้จับกุมเป็นการจับกุมตามหมายจับปี 53 ได้พูดคุยเบื้องต้นกับนางอัมพรทราบว่าไม่รู้เรื่องเลย ยืนยันว่าได้รับหมายแค่ครั้งเดียวเมื่อปี 53 ครั้งนี้ไม่มีหมายเรียกเลยและการจับกุมครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าร่วมจับกุมตัวจากบ้านพัก หากทราบว่ามีหมายจับก็จะร้องขอความเป็นธรรมให้กับนางอัมพร ทั้งๆ ที่นางอัมพรไม่ทราบมาก่อนว่าได้กระทำผิด หลังจากนี้ต้องขอพูดคุยรายละเอียดการจับกุมกับพนักงานสอบสวนก่อน ก่อนจะดำเนินการเรื่องการประกันตัวต่อไป การถูกจับกุมครั้งนี้มีผลต่อการนำสืบพยานของศาลที่จะมีขี้นในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมต้องมีการจับกุมวันนี้ ทำไมต้องเป็นช่วงนี้