ปลดยาบ้าจากบัญชียาเสพติดที่1 ชี้สังคมไม่เอาก็ทำไม่ได้

ปลดยาบ้าจากบัญชียาเสพติดที่1 ชี้สังคมไม่เอาก็ทำไม่ได้

นายกฯแจงปมปลดยาบ้าออกจากบัญชีทางยาเสพติดที่1 หากสังคมไม่เอาด้วยก็ทำไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเตรียมเสนอแนวคิดให้นายกฯใช้มาตรา 44 ปลดสารเมทแอมเฟตามีนออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 1 เพื่อให้แพทย์นำมาใช้รักษาผู้ป่วยและบำบัดคนติดยา ว่า ยังไม่เห็นพูดถึงมาตรา 44 เลย ตนเจอพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมเมื่อเช้า ไม่เห็นจะพูดเรื่องนี้ ตนถามว่าเรื่องนี้จะเอาอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์บอกว่า เป็นการเสนอวิธีการในการแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นแนวคิดสากล แล้วตนก็ถามว่าที่พล.อ.ไพบูลย์พูดออกมานั้นเป็นมาอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่าหลายเรื่องไม่ตรงกับข้อเท็จจริง สื่อเสนอออกไปเพื่อให้สังคมรับรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวผู้ต้องขัง การขึ้นทะเบียนยาเสพติด

“จะเรียกว่ายาม้า ยาแมวอะไรก็แล้วแต่ เพราะเป็นเรื่องการรับรู้ของสังคม ถ้าคนจะรับไม่ได้ก็รับไม่ได้ก็ทำไม่ได้อยู่ดี เข้าใจหรือยัง อะไรอีกหลายอย่างที่ทำได้ในโลก แต่ประเทศไทยทำไม่ได้อยู่แล้วล่ะ”นายกฯกล่าว

เมื่อถามว่าแนวคิดดังกล่าวถือเป็นการโยนหินถามทางหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ใช่การโยนหิน แต่เป็นการสร้างการรับรู้ จะโยนหินถามทางให้เมื่อยมือทำไม เดี๋ยวมันจะโดนหัวคน ก็ไปหารือกันมา ถ้าไม่ได้ก็ถือเป็นการดันทุรังมันไปไม่ได้อยู่แล้ว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เขาไม่ออกกฎหมายให้แน่นอน แม้กระทั่งการปลูกพืชก็ติดขัดไปหมด เราต้องเคารพกติกากันเสียก่อน กฎหมายว่าอย่างไร เราจะหาทางออกกันอย่างไร เราจำเป็นจะต้องมีกฎหมายเพิ่มขึ้นหรือไม่ เราถึงจะไปกันได้ ประเทศเขาโตกันแบบนี้ยังไม่มีอะไรทั้งนั้นอย่าเพิ่งไปกังวล

นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้เอาแค่ปัญหาเรื่องผู้ต้องหากันให้ได้ก่อนที่ไปรวมกันในเรือนจำเดียวกันจะทำอย่างไรกัน ทั้งโทษอุกฉกรรจ์ โทษปานกลาง โทษที่กำลังจะพ้นโทษ แล้วจะอบรมกันได้อย่างไร อบรมความรู้ให้เสร็จแล้วก็ไปนอนรวมกันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ถ้าเรามีงบประมาณในการสร้างที่ควบคุมนักโทษที่กำลังจะออกมาก่อนเพื่อที่จะอบรมเขา เราต้องคิดเป็นระบบแบบนี้ ตรงไหนขาดก็ย้าย ถอดประกอบและสร้างพื้นที่ให้คนใกล้พ้นโทษ เหมือนการเตรียมตัวเข้าสู่สังคม ไม่เช่นนั้นก็เหมือนกับการเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยเพิ่มขีดความสามารถ เข้ามาสามครั้งก็ได้ปริญญาเอกเลย ไม่ใช่สร้างคุกให้เยอะเข้าไว้แล้วก็มาแออัดกันอยู่แบบนี้ กฎหมายแรงขึ้น สังคมและประชาชนต้องมีภูมิคุ้มกันตัวเองและต้องสอนลูกหลานให้ดี พ่อแม่ผู้ใหญ่ก็ต้องเคารพกฎหมาย ลูกก็ต้องเคารพพ่อแม่ ที่ผ่านมามีใครสอนให้เคารพแบบนี้บ้าง ไม่มี ปล่อยกันไป แล้วแต่ใครเป็นพวกใคร มันไปไม่ได้