'มหานคร'ทุ่ม2.2หมื่นล้าน ผุดแลนด์มาร์คท่องเที่ยว

'มหานคร'ทุ่ม2.2หมื่นล้าน ผุดแลนด์มาร์คท่องเที่ยว

"เพซ" ทุ่ม 2.2 หมื่นล้าน ผุดโครงการ "มหานคร" ตึกสูงที่สุดในไทย พร้อมเนรมิต ไลท์ โชว์ แสง สี อลังการ เผยส่วนเรสซิเดนเซสขายแล้วกว่า 70%

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “เพซ” กล่าวว่า บริษัทฉลองโครงการ “มหานคร” ก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยจัดงาน “มหานคร แบงค็อก ไรซ์ซิ่ง เดอะ ไนท์ ออฟ ไลท์” ช่วงค่ำวานนี้ (29 ส.ค.)

มหานคร เป็นโครงการอสังหาระดับไฮเอนด์ในรูปแบบมิกซ์ยูส 77 ชั้น ความสูง 314 เมตร สูงที่สุดในประเทศ รับรองโดยสภาตึกสูงและที่อยู่อาศัยในเมือง (CTBUH) ตั้งอยู่บริเวณถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ประกอบไปด้วย 5 ฟีเจอร์หลักคือ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ที่พักอาศัยซูเปอร์ลักชัวรี่ 209 ยูนิต, บูติกโฮเต็ล แบรนด์ บางกอก เอดิชั่น บริหารโดย เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน โฮเทล คอมปะนี จำนวนกว่า 150 ห้อง, แบรนด์โรงแรมใหม่ในเครือแมริออท อินเตอร์เนชันแนล

“เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส ขายแล้ว 70% ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นสิงคโปร์ และฮ่องกง แต่ถ้าห้องใหญ่จะเป็นยุโรป มีทั้งสวีส เยอรมนี และฝรั่งเศส คนไทย ราคาเริ่มต้นของห้อง 125 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ตร.ม.ละ 3 แสนบาท หรือ 35-45 ล้านบาท ถ้า 3 ห้องนอน 50-70 ล้านบาท ส่วนแพงสุดเป็นห้องเพนท์เฮ้าส์กว่า 300 ล้านบาท ขายไป 3 ห้อง จาก 4 ห้อง เป็นเศรษฐีจากดูไบ ซื้อไป 2 ชั้น รวมกันกว่า 500 ล้านบาท อีกคนเป็นเศรษฐียุโรป”

ฟีเจอร์ที่ 4 เป็นจุดชมวิว 360 องศา บนชั้น 77 โดยมีพื้นกระจกใส ยื่นออกจากตัวอาคาร และฟีเจอร์สุดท้าย มหานคร คิวบ์ อาคารไลฟ์สไตล์รีเทล 7 ชั้น รวบรวมร้านอาหารชั้นนำที่ไม่เคยมีมาก่อนในไทย อาทิ ร้านอาหารโดยเชฟมิชลินสตาร์มากที่สุดในโลก “ลัตเตอลิเย เดอ โจเอล โรบูชง กรุงเทพฯ”ร้านอาหารในเครือกอง เด้ นาสต์ เรสเตอรองแห่งแรกในไทย “โว้ก เลาจน์” แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มกูร์เม่ต์ระดับไอคอนของนิวยอร์ก “ดีน แอนด์ เดลูก้า” ร้านอาหารจีน โดย เชฟแมน “เอ็ม ครับ” ร้านอาหารญี่ปุ่นโดย เชฟกระทะเหล็กชื่อดังของอเมริกา “โมริโมโตะ” รวมถึงมหานคร สแควร์ ลานอเนกประสงค์ 1,000 ตารางเมตร สำหรับจัดกิจกรรม เช่น โชว์ศิลปะ หรือคอนเสิร์ต เป็นต้น

“มหานครมีมูลค่าการลงทุน 2.2 หมื่นล้านบาท ถือเป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของไทยที่จะช่วยสร้างสีสันและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก คาดรองรับนักท่องเที่ยวได้ 6 ล้านคนต่อปี”

ดึงศิลปินโอเปร่าระดับโลกร่วมฉลอง

นายสรพจน์ กล่าวว่า มหานคร ออกแบบตัวอาคารเสมือนถูกโอบล้อมด้วยริบบิ้น 3 มิติหรือ ‘พิกเซล’ ล้อมไปด้วยกระจก ทำให้ผู้พักอาศัยมองแบบพาโนราม่า มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองและแม่น้ำเจ้าพระยาโดยไม่ถูกรบกวนจากสถาปัตยกรรมอื่นๆ ทำให้ได้รับรางวัลจากหลากหลายสถาบัน อาทิ Thailand Property Awards, South East Asia Property Awards และ Asia-Pacific Property Awards เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ตัวอาคารมีความสูงพิเศษ จึงกำหนดสเปคความเร็วของลิฟต์ 8 เมตรต่อวินาที ทั้งในส่วนที่พักอาศัย โรงแรม และจุดชมวิว ให้บริการลิฟต์แยกจากกันหมด โดยลิฟต์สำหรับขึ้นสู่จุดชมวิวจะใช้เวลา 40 วินาที

ส่วนงานฉลองจะจัดไลท์ โชว์ แสง สี มองเห็นได้จากทุกมุมของกรุงเทพฯ ซึ่งแบ่งการโชว์ออกเป็น 2 ชุด คือ “มหานคร แบงค็อก ไรซ์ซิ่ง” และ “มหานคร เดอะ ไนท์ ออฟ ไลท์” ส่วนพื้นที่มหานครแสควร์ จัดคอนเสิร์ตโดยศิลปินโอเปร่าระดับโลก “โฮเซ่ การ์เรรัส” พร้อมด้วยศิลปินชื่อดังของไทย และเพื่อให้คนกรุงเทพฯ มีส่วนร่วม ได้จัดกิจกรรมประกวดภาพถ่าย ไลท์โชว์ ชิงรางวัลบัตรขึ้นจุดชมวิว 1 หมื่นรางวัล และรางวัลชนะเลิศเป็นเงินสด 1 แสนบาท รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท อีกด้วย

อสังหาฯลงทุนมูลค่าหมื่นล้านต่อปี

นายสรพจน์ กล่าวว่า สำหรับแผนลงทุนอสังหาในอนาคต ยังคงเน้นพัฒนาโครงการระดับบน ปีละ 1-2 โครงการ มูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จะทำให้บริษัทมีรายได้เข้ามาต่อเนื่องปีละ 1 หมื่นล้านบาท โดยเชื่อว่าตลาดนี้ยังมีกำลังซื้อสูง คู่แข่งน้อย

ปีนี้มีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดแห่งใหม่ ย่านนราธิวาส เป็นอาคารสูง 46 ชั้นจำนวน 36 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 400 ตร.ม. มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท ปัจจุบันได้รับอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว โดยจะเริ่มเปิดขายในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ และโครงการบ้านพักตากอากาศที่เมืองนิเซโกะ เกาะฮอกไกโด ญี่ปุ่น เนื้อที่ 87 ไร่ 3 งาน พัฒนาเป็นบ้าน 40 ยูนิต ราคา 52-142 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มเปิดขายช่วงเดือนธ.ค.ปีนี้

นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนคอนโดใจกลางกรุงเทพอีก 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน 3 แปลง

วาด3ปีธุรกิจอาหารแซงอสังหาฯ

นายสรพจน์ กล่าวว่า สำหรับทิศทางของเพซใน 3 ปีข้างหน้า (2560-2562) จะเน้นการขยายธุรกิจอสังหาควบคู่ไปกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม “ดีน แอนด์ เดลูก้า” ซึ่งบริษัทได้ลงทุน 4,500 ล้านบาท ซื้อจากมหาเศรษฐีนิวยอร์ก เพราะเชื่อว่าจะเป็นโมเดลแหล่งสร้างรายได้ระยะยาวที่มั่นคง ลดความเสี่ยงของวัฏจักรอสังหาฯชะลอตัว

โดยคาดปี 2563 มีรายได้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท มาจากอสังหา 1 หมื่นล้านบาท ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ดีน แอนด์ เดลูก้า 1.5 หมื่นล้านบาท แซงหน้าอสังหา คิดเป็นสัดส่วน 70% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30-40%ของอสังหาฯ ส่วนรายได้อีก 5,000 ล้านบาท มาจากธุรกิจให้บริการโรงแรม ค้าปลีก

“การขยายธุรกิจเป็นโมเดลคล้ายกับสตาร์บัคส์ เป็นร้านคาเฟ่ และอาหาร มี 2 หมื่นสาขาไปทั่วโลก ส่วนดีน แอนด์ เดลูก้า มีแค่ 12 สาขาในสหรัฐ แต่มีโอกาสขยายเป็น 1,000 สาขาได้ไม่ยาก หรือได้ส่วนแบ่งตลาด 5% ก็สบายแล้ว”

แผนงานช่วง 3 ปี จะเร่งลงทุนในสหรัฐ ไทย และญี่ปุ่น 300-400 สาขา และมีแนวคิดนำหุ้นของดีน แอนด์ เดลูก้า เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก คาดว่ามูลค่าทางบัญชีจะสูงกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ บริษัทประกาศความร่วมมือ กับ“ฟาเรล วิลเลียมส์” ศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี่ และโปรดิวเซอร์เพลงชื่อดัง เปิดตัวผลิตภัณฑ์ของฟาเรล วิลเลียมส์และครอบครัว ภายใต้แบรนด์ “เดอะวิลเลียม แฟมิลี่ คิทเช่น โปรเจค วางจำหน่ายในร้านดีน แอนด์ เดลูก้า ในปี 2560