ทริสหั่นเรทติ้ง'พรีเชียส' ตลาดซบ-การเงินอ่อนแอ

ทริสหั่นเรทติ้ง'พรีเชียส' ตลาดซบ-การเงินอ่อนแอ

ทริสหั่นเรทติ้ง"องค์กร" พรีเชียส ชิพปิ้ง เหลือ “BBB-” จาก “BBB” พร้อมลดเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิเหลือ BB+ จาก BBB-

ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “BBB-” จาก “BBB” ลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันเป็นระดับ “BB+” จาก “BBB-” และปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Negative” หรือ “ลบ” จากเดิม “Stable” หรือ “คงที่” เพื่อสะท้อนผลประกอบการ และสถานะทางการเงินที่อ่อนแอลงของบริษัท จากภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนว่า ภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยของอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าแห้งเทกอง ยังดำเนินต่อเนื่อง จนส่งผลให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลงมากกว่าที่คาด อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องจนลดทอนสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัท

อุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองมีความผันผวนและพึ่งพาภาวะเศรษฐกิจโลกค่อนข้างสูง เศรษฐกิจโลกชะลอกดดันอุปสงค์ของอุตสาหกรรม ภาวะอุปทานส่วนเกินจำกัดการฟื้นตัวของค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับต่ำ สะท้อนจากดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index - BDI) ที่ใช้เป็นดัชนีอ้างอิงค่าระวางเรือ (Time Charter Rate - TC) ที่อยู่ในระดับต่ำที่ค่าเฉลี่ย 719 จุดในปี 2558 และระดับต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 290 จุดในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดย BDI มีค่าเฉลี่ย 489 จุดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

ผลการดำเนินงานของบริษัทได้รับผลกระทบจากค่าระวางเรือที่ต่ำ ค่าระวางเรือเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 6,266 ดอลลาร์ต่อวันต่อลำเรือในปี 2558 และลดลงมาอยู่ที่ 5,519 ดอลลาร์ต่อวันต่อลำเรือในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 ค่าระวางเรือที่อยู่ในอัตราต่ำ ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนจากการดำเนินงาน 37.5 ล้านดอลลาร์ในปี 2558 และ 25.4 ล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559

บริษัทได้ออกหุ้นกู้ 99.72 ล้านดอลลาร์ ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค. บริษัทรับเรือที่สั่งต่อใหม่ 3 ลำ มูลค่า 42.96 ล้านดอลลาร์ ใช้เงินกู้จากธนาคาร สิ้นเดือนมิ.ย. บริษัทมีภาระหนี้รวม 454.5 ล้านดอลลาร์ บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 47.80% ณ สิ้นปี 2559 เป็น 52.62%  สิ้นมิ.ย.

ในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทบริหารสภาพคล่อง ด้วยความระมัดระวัง เพราะภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย และอัตราค่าระวางที่ต่ำน่าจะยังคงดำรงอยู่