‘คลัง’ รับปันผล ครึ่งปีมูลค่า 8.7พันล้าน

‘คลัง’ รับปันผล ครึ่งปีมูลค่า 8.7พันล้าน

สำรวจหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ พบจ่ายปันผลรอบ 6 เดือนแรกปีนี้ มูลค่า 8.7 พันล้านบาท

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีกระแสข่าวอย่างต่อเนื่องว่ากระทรวงการคลังมีแผนที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นในบางบริษัทจดทะเบียน โดยล่าสุดนี้กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ใน 10 บริษัท ได้แก่ ปตท. (PTT) 51.11% ท่าอากาศยานไทย (AOT) 70% การบินไทย (THAI) 51.03% ธนาคารทหารไทย (TMB) 25.94% บางจากปิโตรเลียม (BCP) 9.98% อสมท. (MCOT) 65.8% ผาแดง (PDI) 13.81% เอ็นอีพี (NEP) 20.43% บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) 16.58% และทุ่งคาฮาร์เบอร์ (THL) 1.98%

ขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการตัดสินใจใดๆ ออกมา ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากราคาหุ้นส่วนใหญ่ที่ลดต่ำลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตามภาวะตลาด ทำให้มูลค่าที่จะขายออกไปอาจจะไม่จูงใจนัก

ขณะเดียวกันการถือหุ้นอยู่ในบริษัทเหล่านี้ยังช่วยให้กระทรวงการคลังมีรายได้เข้าไปอุดหนุนภาครัฐไม่น้อยทีเดียว

จากการประกาศผลประกอบการงวดครึ่งปีของบริษัทจดทะเบียนที่ผ่านมานี้ 2 ใน 8 บริษัท ได้แก่ ปตท. และบางจากปิโตรเลียม ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล โดยปตท.จะจ่ายเงินปันผล 6 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 31 ส.ค. นี้ ขณะที่บางจากประกาศจ่ายเงินปันผล 0.80 บาทต่อหุ้น และจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 6 ก.ย. นี้

ทั้งนี้ จากสัดส่วนการถือหุ้นที่ถืออยู่นี้ทำให้กระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลจาก ปตท. 8,759.31 ล้านบาท และได้รับเงินปันผลจาก บางจาก 109.95 ล้านบาท ส่วนอีก 8 บริษัทที่เหลือนั้น มี 4 บริษัท ที่คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลออกมาได้เมื่อปิดงบประจำปี ได้แก่ ท่าอากาศยานไทย ธนาคารทหารไทย ผาแดง และบลจ.เอ็มเอฟซี ส่วนอีก 4 บริษัทที่เหลือนั้น มีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลออกมาได้ เนื่องจากผลประกอบการมีแนวโน้มที่จะขาดทุน

โดยเอ็นอีพี และทุ่งคาร์ฮาร์เบอร์ เป็นบริษัทที่ไม่ได้จ่ายเงินปันผลออกมาเกิน 10 ปีติดต่อกันแล้ว โดยทุ่งคาร์ฮาร์เบอร์นี้ ปัจจุบันก็ยังคงอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ ขณะที่เอ็นอีพีนั้น แม้จะออกจากแผนฟื้นฟูมาแล้ว แต่ผลประกอบการครึ่งปีแรกยังคงขาดทุน 27.48 ล้านบาท

ขณะที่ อสมท. นั้นก่อนหน้านี้จ่ายเงินปันผลมาต่อเนื่องทุกปี แต่ในปีนี้อาจจะเห็นผลประกอบการพลิกเป็นขาดทุนได้ หลังจากที่ครึ่งปีแรกยังคงขาดทุนอยู่ 211.18 ล้านบาท ซึ่งอาจจะทำให้บริษัทตัดสินใจไม่จ่ายเงินปันผลออกมา อย่างไรก็ตามบริษัทก็ยังพอมีทางเลือกที่จะนำกำไรสะสมที่มีอยู่ 2,553.08 ล้านบาท มาจ่ายเงินปันผลได้บางส่วน

ส่วนการบินไทยนั้นจ่ายปันผลครั้งล่าสุดเมื่อปี 2555 หลังจากนั้นผลประกอบการพลิกเป็นขาดทุนต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน ส่วนครึ่งปีแรกของปีนี้ สามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 3,078.10 ล้านบาท ส่วนทั้งปีจะเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป แต่เรื่องของเงินปันผลนั้นอาจจะยังไม่ได้เห็นในปีนี้ เนื่องจากบริษัทยังมีขาดทุนสะสมอยู่อีก 16,476.70 ล้านบาท

สรุปแล้ว โอกาสที่จะได้เห็นกระทรวงการคลังขายหุ้นหรือลดสัดส่วนการถือหุ้นในบางบริษัทลงนั้น เชื่อว่าเป็นไปได้ โดยเฉพาะในบริษัทที่อาจจะไม่ได้สร้างผลตอบแทนคืนมา และที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นสัดส่วนในบางบริษัทลดลงมาบ้างแล้ว อาทิ ทุ่งคาร์ฮาร์เบอร์ ที่ปัจจุบันเหลือการถือหุ้นเพียง 1.98% หรืออย่างเอ็นอีพี ที่เคยมีสัดส่วนอยู่เกิน 21% ปัจจุบันลดลงมาเหลือ 20.43% หรือแม้กระทั่งแบงก์ทหารไทยที่สัดส่วนลดลงมาอยู่ที่ 25.94% จากที่เคยเกิน 26%

ภาพ: กระทรวงการคลัง