ค้าปลีกเดินหน้าลงทุนเร่งปักธงชิงลูกค้าไทย-ทัวริสต์

ค้าปลีกเดินหน้าลงทุนเร่งปักธงชิงลูกค้าไทย-ทัวริสต์

ผู้ประกอบการค้าปลีกเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจรองรับการเติบโตของกำลังซื้อลูกค้าในประเทศกว่า 64 ล้านคน

รวมทั้ง“นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ที่มาเยือนไทยปีละ 30 ล้านคน ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดีนัก จึงไม่กระทบแผนสยายปีก

ปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า, เซ็นทรัล เฟสติวัล และเซ็นทรัลเวิลด์ กล่าวว่า ในระหว่างปี 2559- 2561 ซีพีเอ็น จะใช้ลงทุนรวมมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท สำหรับพัฒนา 5 โครงการใหม่ และปรับปรุง 5 โครงการเก่า ส่งผลให้สิ้นปี 2561 ซีพีเอ็น มีโครงการทั้งสิ้น 34 แห่ง พื้นที่รวม 8 ล้านตร.ม.

5 โครงการใหม่ เปิดบริการแล้ว ได้แก่ เซ็นทรัล พลาซา นครศรีธรรมราช ปีหน้า จะเปิดบริการ เซ็นทรัล พลาซา นครราชสีมา เซ็นทรัล พลาซา มหาชัย และส่วนต่อขยายโครงการ เซ็นทรัล ภูเก็ต ทั้งยังมีโครงการในมาเลเซีย เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ เตรียมเปิดบริการปี 2561 อีก 5 โครงการที่จะมีการปรับปรุงใหญ่ ได้แก่ เซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า, บางนา, พัทยา, พระราม3 และ เซ็นทรัลเวิลด์

แนวทางพัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าของซีพีเอ็น อิง 6 ไลฟ์สไตล์หลัก ประกอบด้วย การใช้นวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีสร้างความแปลกใหม่, การสร้างฟู้ด เดสทิเนชั่น ในรูปแบบของโซเชียลไลฟ์สไตล์และแฟมิลี่ไดน์นิ่ง, การสร้างศูนย์กลางให้คนในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน, สร้างโคเวิร์คกิ้งสเปซ พื้นที่สำหรับแสดงไอเดียการทำงาน, สร้างแอทแทรคชั่น และ สร้างสรรค์ ตลาดไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ เป็นพื้นที่ส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่น และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

ทางด้านตลาดต่างประเทศ ซีพีเอ็น อยู่ระหว่างศึกษาตลาดประเทศเวียดนาม และ อินโดนีเซีย

            “ต้องพิจารณาทำเล การใช้งบลงทุนอย่างเหมาะสม การหาพันธมิตรท้องถิ่น เช่นเดียวกับ เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ ในมาเลเซีย โปรเจคร่วมทุนระหว่าง ซีพีเอ็น กับ ไอ-เบอร์ฮาด ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในมาเลเซีย”

            ทางด้าน กลุ่มเดอะมอลล์ ยังคงเดินหน้าการลงทุนตามแผนงานเดิมเช่นกัน ภายใต้ยุทธศาสตร์มุ่งพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ในรูปแบบย่านการค้า แหล่งธุรกิจ และศูนย์รวมความบันเทิง เทียบย่านการค้าสำคัญในมหานครต่างๆ ทั่วโลก เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุน นักท่องเที่ยว ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวหลัก ภายใต้ยุทธศาสตร์เน้นพัฒนาย่านการค้า (District) รวมถึง เมืองแห่งการค้าและเศรษฐกิจ เพื่อยกระดับกรุงเทพฯ และประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเวทีการค้าระดับโลก จากความได้เปรียบของภูมิศาสตร์ใจกลางอาเซียน มีนักท่องเที่ยวมากสุด 30 ล้านคน และจะเพิ่มเป็น 40-50 ล้านคนภายใน 5 ปีข้างหน้า

โดยช่วง 5 ปีจากนี้เดอะมอลล์คาดใช้งบลงทุน 5-6 หมื่นล้านบาทพัฒนาโครงการใหม่ ประกอบด้วย เดอะ แบงค็อก มอลล์ ย่านบางนา, บลูเพิร์ล ภูเก็ต, บลูพอร์ท หัวหิน, ดิ เอ็มควอเทียร์, ดิ เอ็มสเฟียร์ และปรับปรุง ดิ เอ็มโพเรียม โดย 3 โครงการหลังถูกเชื่อมให้เป็นย่านการค้า “เดอะ ดิสทริค เอ็ม” อาณาจักรชอปปิงคอมเพล็กซ์หรูใจกลางสุขุมวิท พื้นที่กว่า 6.5 แสนตร.ม.

วันที่ 1 ต.ค.นี้ เตรียมเปิดบริการ “บลูพอร์ท หัวหิน” และอวดโฉมใหม่ “เดอะมอลล์ นครราชสีมา” วันที่ 8 ต.ค. หลังใช้งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท ปรับปรุงและขยายพื้นที่ครั้งใหญ่ในรอบ 16 ปี รองรับคู่แข่งยักษ์ใหญ่ที่เข้ามาเปิดตลาด ทั้ง เทอร์มินอล 21 โคราช และเซ็นทรัล พลาซ่า นครราชสีมา

ในปีนี้ “โชว์ ดีซี” บนเนื้อที่ 43 ไร่ กว่า 1.8 แสนตร.ม. ย่านพระราม 9 มูลค่าลงทุน 9,500 ล้านบาท เตรียมเปิดบริการในเดือน พ.ย.ปักธงเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “ช้อป & เอ็นจอย” มีแม่เหล็กหลัก เมืองเกาหลี หรือ “K-District” ใหญ่ที่สุดในโลก

ชยดิฐ หุตานุวัชร์ ประธาน บริษัท โชว์ดีซี คอร์ป จำกัด กล่าวว่า โชว์ ดีซี นำเสนอความแปลกใหม่ให้กับวงการค้าปลีกไทยด้วยคอนเซปต์ Shop & Enjoy รวมประสบการณ์ความบันเทิงแห่งเอเชีย โดยมีไฮไลท์ เมืองเกาหลีใหญ่สุดนอกประเทศเกาหลี หรือ “K-District by Mall Of Korea (MOK) @SHOW DC” ภายใต้งบกว่า 1,000 ล้านบาท

โชว์ ดีซี ผสมผสานสุดยอดประสบการณ์ความบันเทิง การช้อปปิ้ง และการกินดื่มภายในที่เดียว มีศักยภาพของการเป็นแลนด์มาร์คหรือจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ของไทยและอาเซียน ปัจจุบันในส่วนการก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 90% ให้เช่าพื้นที่แล้ว 93% รวมร้านค้าทั้งไทยและเทศ 400 ร้าน

จูเลี่ยน เฮอร์ รองประธานกรรมการ Mall Of Korea กล่าวว่า กระแสวัฒนธรรมเกาหลีได้แผ่อิทธิพลอย่างมากในหลายประเทศในเอเชียและทั่วโลก ซึ่ง Mall Of Korea ร่วมกับโชว์ ดีซี นำเสนอความบันเทิงที่หลากหลายของเกาหลี ที่มีกลิ่นอายของความเป็นเอเชียผสานความก้าวหน้าของเทรนด์จากทั่วโลก นับเป็นการยกระดับธุรกิจค้าปลีกทั้งของไทยและเกาหลีร่วมกันในการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ