อินฟินิตี้พลัสจุดพลุสมาร์ทโฮม

อินฟินิตี้พลัสจุดพลุสมาร์ทโฮม

“อินฟินิตี้พลัส” เปิดศึกสมาร์ทโฮมตลาดไทยส่งแบรนด์ ​“ไลฟ์สมาร์ท” ลุยขายค้าปลีก ชูจุดต่างใช้งานง่าย-ราคาไม่แพง

นายอลงกรณ์ เจียมปรีชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟินิตี้พลัส เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า เปิดตัวแบรนด์ “ไลฟ์สมาร์ท(LifeSmart)” ผลิตภัณฑ์กลุ่มโฮมออโตเมชั่น หรือสมาร์ทโฮม ในตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ 

ทั้งนี้รับโอกาสการมาของเมกะเทรนด์อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (ไอโอที) ขณะเดียวกันตลาดโฮมซิเคียวริตี้และการควบคุมพลังงานภายในบ้านกำลังขยายตัวต่อเนื่อง ขณะนี้ในระดับโลก การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสมาร์ทโฮมบนโลกออนไลน์แซงหน้าแวร์เอเบิล ดีไวซ์ไปแล้ว

ที่ผ่านมา ผู้บริโภคมองการใช้งานผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมเป็นเรื่องไกลตัว ทว่าโอกาสการเติบโตมีอยู่สูงมาก ในประเทศไทยข้อมูลจากสตาทิสตา ระบุว่า ปี 2559 ตลาดรวมมีมูลค่าราว 600 ล้านบาท ปีหน้าจะเพิ่มไปถึง 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตมากถึง 35-40%

นอกจากนี้ การแข่งขันยังไม่รุนแรงมาก ผู้เล่นในตลาดรวมทั้งหมดมีไม่เกิน 5 ราย ที่น่าสนใจต่างมุ่งขายเชิงโครงการมากกว่าค้าปลีก ดังนั้นนับเป็นโอกาสที่ดีของบริษัท

“อัตราเร่งของการเติบโตจะอยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจ การเปิดรับของผู้บริโภค และการตลาดของบริษัทเอง”

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก่อตั้งและพัฒนาโดยทีมงานจากอาลีบาบาและอดีตผู้บริหารของยูทีสตาร์ทคอม ปัจจุบันผู้ร่วมลงทุนหลักคือ อาลีบาบา ฟอกซ์คอน และไฮเออร์

ไลฟ์สมาร์ท ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต ใช้งานสำหรับการสั่งการ ควบคุมการทำงานอุปกรณ์ภายในบ้านผ่านสมาร์ทโฟน เช่น เปิดปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า ระบบความเย็น ความบันเทิง และระบบรักษาความปลอดภัย

ด้านจุดเด่นมาพร้อมยูเซอร์อินเทอร์เฟซของโมบายแอพพลิเคชั่นที่เป็นมิตร ควบคุมและใช้งานง่าย ด้านสินค้ามีทั้งแบบใช้งานเดี่ยวซื้อ 1 ชิ้นใช้งานได้เลย และขายเป็นเซ็ต สำคัญราคาจับต้องได้ เริ่มต้นที่ 369 บาท รองรับทั้งไอโอเอสและแอนดรอยด์

ปัจจุบัน สินค้าที่วางจำหน่ายมีอยู่ 20 รุ่น ปีหน้าจะเพิ่มไปถึง 30 รุ่น กลุ่มเป้าหมายหลักมุ่งเจาะตลาดค้าปลีก กลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย ชื่นชอบเทคโนโลยี
จุดยืนของผลิตภัณฑ์มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ชีวิตง่าย แค่ปลายนิ้ว” ครอบคลุมการใช้งานที่เพิ่มความสะดวก รองรับด้านความบันเทิงภายในบ้าน การรักษาความปลอดภัย และช่วยบริหารจัดพลังงานแบบอัตโนมัติ แต่แนวทางการทำตลาดในไทยจะเน้นด้านเพิ่มความสะดวกเป็นหลัก ขณะนี้นำสินค้าเข้ามาทำตลาดแล้ว 15 รุ่น จากนั้นทยอยเข้ามาจนครบ 20 รุ่นที่มีภายในสิ้นปีนี้

สำหรับกลยุทธ์บริษัทจะใช้ช่องทางออนไลน์ช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าและแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก การจัดจำหน่ายมีทั้งบนออนไลน์ รวมถึงทำผ่านช่องทางค้าปลีก เช่นตัวแทนจำหน่ายของแอ๊ปเปิ้ลในไทย ร้านค้าปลีกไอทีและโมบายอื่นๆ เช่นบานาน่าไอที เจมาร์ท

“ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ เราจะใช้งบการตลาดไม่น้อยกว่า 15 ล้านบาท แบ่งเป็นบีโลว์เดอะไลน์ 60% อโบพเดอะไลน์ 40%”

นอกจากนี้จะมีความร่วมมือกับบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านและคอนโดมีเนียม เช่น เอสซีแอสเสท เอพี เพื่อเข้าไปเพื่อทำตลาดรูปแบบโครงการควบคู่กันไป

บริษัทตั้งเป้าไว้ว่า ไตรมาสแรกที่ทำตลาด หรือจบไตรมาสที่ 4 ปีนี้จะทำรายได้ได้ประมาณ 15-20 ล้านบาท จากนั้นปี 2560 กินส่วนแบ่งการตลาดไม่น้อยกว่า 20% จากตลาดรวม 1,000 ล้านบาท หรือมีรายได้ราว 200 ล้านบาท