เอกชนหนุนขึ้นค่าวีซ่า ป้องก่อการร้าย

เอกชนหนุนขึ้นค่าวีซ่า ป้องก่อการร้าย

"สทท." หนุนภาครัฐปรับขึ้นค่าวีซ่าจาก 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท หวังช่วยคัดกรองคนเข้าเมือง หลังภัยก่อการร้ายเริ่มลุกลามมาเอเชียมากขึ้น

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ไทยเตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (วีซ่า) ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองจาก 1,000 บาท เป็น 2,000 บาท ว่า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่กำลังเป็นภัยคุกคามการท่องเที่ยวทั่วโลก และเริ่มมีกระแสข่าวว่า มีการจับกุมบุคคลต้องสงสัยที่คาดว่ากำลังจะก่อวินาศกรรมได้ในเอเชียและอาเซียน ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่ควรประมาทการดูแลความปลอดภัยในประเทศเราเอง 

นอกจากนี้การปรับราคา ก็ยังช่วยจูงใจให้นักท่องเที่ยวไปเตรียมการขอวีซ่าล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนเดินทาง ลดปัญหาความแออัดจากที่ก่อนหน้านี้ทัวร์จำนวนมากมักเลือกมาทำวีซ่ากันปลายทาง ทำให้บริษัททัวร์มีปัญหาด้านการจัดการมาก เนื่องจากต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะนำกรุ๊ปออกจากสนามบิน และเมื่อเกิดความล่าช้า หลายครั้งทำให้แทบไม่ได้เข้าใช้บริการโรงแรมคืนแรกที่จองไว้เลยเพราะล่าช้าเกินควร จึงสูญห้องพักไปโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ 

นายสุรวัช อัครวรมาศ อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า การขึ้นค่าวีซ่าจะส่งผลให้เรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินมาลดลง แต่ไม่มากนักเนื่องจากบริษัททัวร์ที่ทำทัวร์พร้อมเช่าเครื่องบินเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟล์ท) ซึ่งกลุ่มนี้มักจะทำวีซ่าปลายทางเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% ดังนั้นแม้วีซ่าจะขึ้นก็จะต้องหานักท่องเที่ยวให้ได้ครบตามจำนวนที่นั่งเพื่อไม่ให้ขาดทุน ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถปรับราคาแพ็กเก็จทัวร์ขึ้นมาได้เพราะตลาดจีนยังคงกังวลเรื่องราคา จึงทำให้บริษัทที่ทำทัวร์จีนอาจจะได้กำไรจากการขายแพ็กเก็จลดลง เหลือไม่ถึงหลักพันบาท 

"อยากเสนอให้ภาครัฐปรับลดราคาการทำวีซ่าลงมาจากที่จะเพิ่มอีก 1,000 บาทเป็นเพิ่ม 500 บาทเพราะมองว่าการเพิ่มเท่าตัว สูงเกินไป และหากมาร่วมกับปัจจัยการกำหนดราคาแพ็คเกจทัวร์ขั้นต่ำที่กรมการท่องเที่ยวเตรียมออกมาเป็นกฎหมายแล้วนั้นจะยิ่งทำให้เรื่องการกำหนดราคาแพ็คเกจทัวร์จะต้องคิดให้ดียิ่งขึ้น"