ฉะสนั่น! 'ศร-ออม' เจ้าหนี้โผล่ กลางงานแถลง 'จั๊กกะบุ๋ม'

ฉะสนั่น! 'ศร-ออม' เจ้าหนี้โผล่ กลางงานแถลง 'จั๊กกะบุ๋ม'

"จั๊กกะบุ๋ม" ตั้งโต๊ะแถลง หอบเอกสาร 3 พันฉบับ-คลิปเสียง เตรียมฟ้องกลับ อดีตนักร้องดัง ขณะที่ "ศร-ออม" เจ้าหนี้โผล่ เปิดศึกฉะกันสนั่น

กลายเป็นคู่กรณี หลังเกิดศึกสาดน้ำลายในโซเชียลสำหรับ ศรศักดิ์ สวนแก้ว หรือ "ศร"อดีตนักร้องชื่อดัง เจ้าของเพลงอิจฉา กับนายนรเศรษฐ์ (สมชาติ) ทรงกลดหรือ จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม ตลกหนุ่มชื่อดัง หลังจากนาย ศรศักดิ์ ได้ออกมาเปิดเผยว่าถูกนักแสดงตลกชายโพสต์คลิปขู่ทำร้าย และโทรศัพท์ก่อกวนคนใกล้ชิดจนได้รับความเดือดร้อน

โดยล่าสุด (21 สิงหาคม 2559) นายศรศักดิ์ได้รวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งทางฝั่งของคู่กรณีอย่างหนุ่มตลกจั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม ยังไม่มีความเคลื่อนไหว แต่จั๊กกะบุ๋มได้อัดคลิปลงเฟซบุ๊กของตัวเองบอกว่า ตนจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำงานให้ลูกค้าก่อน เมื่อเสร็จธุระแล้วจะกลับมาเคลียร์ด้วยกระทั่งวันที่ 24 สิงหาคม เวลา 15.00 น. ตลกชื่อดัง ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมหอบหลักฐานเป็นเอกสาร จำนวนกว่า 3 พันฉบับ มาประกอบคำแถลง ซึ่งเป็นระยะกว่า 3 เดือน ที่ตลกชื่อดังไม่ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ณ ล้านลาภฅนยโส#9 ซอยท่าข้าม ถ.พระราม 2

โดยช่วงก่อนจะเริ่มแถลงข่าว ศร พร้อมภรรยา และน.ส.วิจิตรา สุขคล้าย หรือ ออม เจ้าหนี้ของตลกชื่อดัง ได้เดินทางมาบริเวณหน้าร้าน "ล้านลาภฅนยโส#9" พร้อมทั้งหอบหลักฐานมาด้วย พร้อมยืนยันว่าขอมานั่งฟังเฉยๆจะไม่เข้าไปบริเวณที่อีกฝ่ายแถลง 

ต่อมาเวลา 15.00 น.นายนรเศรษฐ์ได้กล่าวถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นในกรณีที่มีข้อพิพาท
"มีคลิปที่ผมแสดงกิริยามารยาทไม่สุภาพออกไป ขออภัยด้วย แต่ว่าสาเหตุที่ต้องทำแบบนั้นออกไป เพราะว่ามันถูกกดดัน ทำให้รู้สึกว่าผมควรต้องออกมาทำอะไรสักอย่าง เพื่อปกป้องคนที่เป็นแม่ของผม เนื่องจากว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น แม่ของผมได้ถูกเหยียดหยาม ดูถูก และใช้คำพูดที่ไม่สุภาพแล้วก็เอาอดีตต่างๆนานา ที่แม่ผมเคยประสบพบเจอมา เอามาประจานในโซเชียล ผมมีความรู้สึกว่า 

"เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างเรา 2 คน แต่คุณพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 นั่นคือแม่ของผม หวังว่าคงไม่ผิดที่ผมออกมาปกป้องบุพพการีของผม สิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเดือน มิ.ย. ผมได้ไปสวิตเซอร์แลนด์ ผมรู้จักนักร้องท่านหนึ่งสนิทสนมพอสมควรในขณะนั้น ได้คุยกัน ทราบว่าเขาจะเดินทางไปโชว์ตัวที่สวิตเซอร์แลนด์ ยอมรับว่าผมขอเขาไป เพราะผม ประสบปัญหาขาดทุนมาตลอดระยะเวลา 7 เดือน ผมทำร้านที่หัวหิน ผมทำร้านกาแฟกับร้านสเต๊ก รายจ่ายแต่ละเดือนมีมากถึง 4 แสนบาทสดๆ เป็นเหตุให้ไปกู้หนี้ยืมสินจากคนรอบข้าง"


"ผมเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งใจอยากได้เงินสักก้อนมาปลดหนี้ และได้บอกกับบรรดาเจ้าหนี้รวมถึงคนที่ยืมเงินมาทุกคน ว่ารอผมจะกลับมาจากสวิตเซอร์แลนด์นะ 15 วัน ผมจะกลับมาใช้หนี้ ในการตกลงครั้งนั้นผมไปทำงาน 13 วัน ผมมั่นใจว่าผมมีเงินกลับมาใช้หนี้แน่นอน แต่สิ่งที่ตั้งใจไว้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ค่าใช้จ่ายเครื่องบินผมออกเอง ไปถึงผมทำงานจริงอยู่ 6 วันโดยได้ค่าตอบแทนตีเป็นเงินไทย 15,000 บาท ผมว่างงานอยู่ 7 วัน ไม่มีงานทำ แต่ยังโชคดีที่สุดที่ผมได้รับความเมตตาจากคนไทยที่อยู่ที่ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เขาสอบถามผมว่าไปทำงานที่ไหน ผมบอกผมว่างงานยาว พี่สาวคนนี้เลยชักชวนแนะนำผมว่าถ้าสมมุติพี่หางานให้ไปเล่น เราจะมีปัญหากับคนที่พาเรามาไหม ผมบอกว่าไม่น่ามีปัญหา

"ซึ่งผมมีการขออนุญาตกับเขาและคนจัดงาน และพี่คนนี้เขาก็ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง เพื่อจะพาผมไปทำงาน เพราะเขาสงสารผม เห็นผมไม่มีงาน ไม่มีเงิน เป็นความเมตตาของคนไทยที่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ผมซาบซึ้งมาก แต่สิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดผมเห็นพี่คนนักร้องคนหนึ่งที่ผมไปทำงานกับเขาด้วย ผมเห็นเขาโพสต์เฟซบุ๊กแปลกๆ ว่า พามาต่างประเทศมาเนรคุณ มันจะใครล่ะก็ผมนะสิแต่ว่า เราก็คิดว่าจะถูกจะผิดให้ไปขอโทษเขา ซึ่งผมก็ทำ ผมบอกเขาว่าผมไม่ได้มีเจตนาทำอะไรถ้าผิดพลาดไปผมขออภัยแล้วกัน"

ก่อนหน้านี้ผมนอนคนละบ้านกับเขาแล้ว แต่หลังจากขอโทษ คล้อยหลังไม่เกิน 5 นาทีได้มีโพสต์เกิดขึ้นในเฟซอีก เขาโพสต์ซึ่งผมไม่โกรธ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ตลอด

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเรื่องที่ 2 คือครอบครัวผมเปลี่ยนไป ปกติไลน์คุยตลอด หายไป 3 วัน มันผิดปกติ คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมอีก จนติดต่อครอบครัวผมได้ ผมได้รับคำด่าต่างๆนานา ว่าผมขายตัว มั่วผู้หญิง สำมะเลเทเมา ไม่กลับบ้านช่อง แต่ยังโชคดีที่ได้มีโอกาสเปิดใจ และได้วิดีโอคอลว่าตอนนี้ผมอยู่ไหนและทำอะไรอยู่ แต่สิ่งที่ครอบครัวผมได้รับในขณะคุยวิดีโอคอลอยู่ มีเสียงโทรศัพท์ดังว่า มันไปนอนกับผู้หญิงแล้ว ไม่กลับไทยแล้ว มันเกาะคนหนองคายแล้ว ทิ้งมันไปลืมมันไปเถอะ ผมเลยได้สอบถามว่าเขาไปได้ข้อมูลอะไรมา เลยปรึกษาและวัดใจว่า ถ้าคุณเชื่อใจผม ลองอัดคลิปเสียง เปรียบเทียบกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่

ตลกดังยังเปิดเผยต่อว่า หลังจากนั้นภรรยาของตนได้โทรศัพท์คุยกับภรรยานักร้องดังกล่าว(จั๊กกะบุ๋มได้เปิดคลิปเสียงให้ฟัง) เนื้อหาสนทนาในคลิปเสียง เป็นการพยายามดิสเครดิตของตน โดยบอกว่าขายตัวที่ต่างประเทศ เอาเงินเข้าแรกจนได้งานมารวมไปถึงเผยว่า ศรมีทีมงานพีอาร์ที่คอยส่งข่าวทำลายชื่อเสียงของจั๊กกะบุ๋มจากสำนักต่างๆ

"เขายุยงต่างๆให้ครอบครัวผมแตกแยกกัน ส่งมาต่างๆนานา ผมมีเอกสารทุกอย่างที่เขาส่งมาเป็นการล้างสมอง โฆษณาชวนเชื่อว่าผมเป็นอย่างงั้นจริงๆ บังเอิญวาสนาของผมยังมีอยู่ ภรรยาผมได้อัดคลิปนี้และมาเทียบกับสิ่งต่างๆที่ผมทำ มันไม่ตรงกับสิ่งที่เขาพูด เขาเลยทำลายครอบครัวผมไม่สำเร็จ และเขาพยายามทวงเงิน การทวงเงินของเขาไม่ได้ทวงแบบคนทั่วไป ทวงว่า มึงอยู่ไหน จะไปอุ้ม จะฆ่ามึงให้ตาย คือมันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ เข้าใจว่าพี่เป็นคนกลาง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมาใช้อะไรรุนแรงกับผม ซึ่งผมไม่ได้ติดเงินพี่ศรนะ ช่วยตอบคำถามแทนผมหน่อยว่าเขามาทวงตังค์แทนคนอื่นเพื่ออะไร ผมไม่ได้ทำอะไรกับเขา ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา เพียงแต่เขาอาสาที่จะทวงหนี้ให้ แต่รูปแบบในการทวงของเขามันรุนแรงเกินไป ผมอธิบายให้ภรรยาผมเข้าใจ ว่าผมติดหนี้ที่ไหนบ้าง ทะเลาะกับใครบ้าง เลยเป็นที่มาของการขุดคุ้ยทุกๆอย่างทุกเรื่องว่า ผมกู้หนี้ยืมสินเขามา ผมทำร้านกาแฟเจ๊ง โดนที่นี่ฟ้องที่นั่นฟ้อง ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวกับเขาเลยมีการข่มขู่ มีการโพสต์เฟซบุ๊คต่างๆ แต่เขาลบออกไปแล้วจากเฟซบุ๊ค การคุกคามเกิดตั้งแต่ มิ.ย.-ก.ค. ผมไม่ได้เริ่มก่อน ผมโดน แต่ผมไม่พูด เราไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน"

ถามว่าเงินที่ติดคือติดใคร ติดเพื่อนผม ผมมีรายชื่อเจ้าหนี้ผมทุกคนที่ผมติดเงินอยู่ และส่งให้เขาดู หลังจากเขาได้ข้อมูลจากผมไป เขาโทรหาบุคคลเหล่านี้และอาสาจะทวงหนี้ให้ โดยมีเอกสารที่ผมให้เขาดู เขาเอาไปโพสต์เฟซบุ๊คว่า เขาเปิดบริษัททวงหนี้ทั่วราชอาณาจักร ซึ่งผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ในการทวงหนี้ ขบวนการแบบนี้เป็นขั้นตอนที่ผมจะส่งฟ้องต่อไป ผมเปิดใจกับเขาเพราะผมอยากจะใช้หนี้ แต่เขาเอาข้อมูลของผมมาประจานผม ไม่ทราบว่าเขาทำเพื่ออะไรจนผมทนไม่ได้ ล่าสุด 17 ส.ค. ผมไปขึ้นศาลที่หัวหิน"จั๊กบุ๋มกล่าว พร้อมเปิดคลิปเสียงสนทนาระหว่างจั๊กบุ๋มกับศรให้ได้ฟัง เป็นคลิปที่เกิดขึ้นตั้งแต่ มิ.ย. -ก.ค.โดยเป็นเสียงพูดของจั๊กบุ๋มใจความประมาณว่า

"พี่ฟื้นฝอยหาตะเข็บเรื่องราวของผมเพื่ออะไร ผมถามว่า ผมติดหนี้พี่สักบาทไหม พี่ตอบผมแค่ว่า สิ่งที่พี่ทำทุกอย่าง ผมติดหนี้พี่หรือเปล่า ประเด็นคืออยากให้ผมคืนเงินใช่ไหม"

จากนั้น จั๊กกะบุ๋มกล่าวต่อว่า เขาพูดพาดพิงถึงแม่ ว่าแม่เคยติดคุกคดียาเสพติด

"ผมผิดไหม ผมตอบโต้เพื่อแม่ผม ผมก็ตอบโต้อย่างที่เห็น เขามาด่า มาดูถูกแม่ คุณรู้เหรอแม่ผมติดคุกเพราะอะไร โดนยักยอกข้อหาให้แล้วต้องติดคุก ตลอดระยะเวลา 2 ปีไม่มีใครรู้ แล้วเอาปมด้อยออกมาพูดอะไร ผมทำคลิปออกมาเพื่อปกป้องแม่ แต่สุดท้ายกลับเป็นเรื่องบานปลายที่เขาจะต้องไปแจ้งตำรวจ คุณพยายามจะทำอะไร เพื่อโปรโมทอะไรหรือเปล่า ผมว่าเป็นวิธีที่ผิดอย่าทำเลย"

ด้านตลกชื่อดังกล่าวต่อว่ากำลังเตรียมเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย จะฟ้องตามวัน และวาระในสิ่งที่คู่กรณีกล่าวพาดพิงถึงในทุกๆคดี รวมถึงคดีล่าสุดที่หมิ่นประมาทแม่

"ถ้านับตอนนี้ 1. คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการทวงหนี้ 2.หมิ่นประมาท ข่มขู่คุกคาม ตอนนี้เข้าสู่กระบวนการกฎหมายฟ้องในชั้นศาล ผมเตรียมเอกสารมา 3 เดือน บังเอิญแจ๊คพอตได้คดีเพิ่มอีก คือคดีที่เขาเอาคดีที่หัวหินผมออกมาโพนทนา เป็นคดีอนาจารธรรมดา เป็นเหตุเข้าใจผิด โดยมีการไกล่เกลี่ยก่อนพิจารณาคดี นั่นเท่ากับผมไม่ถูกพิจารณาคดีให้ผิด ยังไม่ถูกตัดสิน แต่เขาโพสต์ว่าผมถูกตัดสินและดำเนินคดี ที่สำคัญทางผู้พิพากษาได้กล่าวต่อหน้าศาลว่า กรณีของผม ห้ามนำเผยแพร่ จนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เขาเอามาทำ ขอบคุณมาก" นายนรเศรษฐ์กล่าว"

ทั้งนี้ นายนรเศรษฐ์ กล่าวถึงนายศรว่าขอโทษด้วย"ผมไม่โกรธเพราะผมเข้าใจว่าทำไปเพราะอะไร แต่ผมขอให้ศาลเป็นคนดำเนินการแทน ผมขอโทษแล้วกันถ้าพี่คิดได้ก็หยุด" ตลกชื่อดังกล่าว