"แลนด์มาร์คฯส่ง“โฮมออฟฟิศ”รับสตาร์ทอัพ

"แลนด์มาร์คฯส่ง“โฮมออฟฟิศ”รับสตาร์ทอัพ

"แลนด์มาร์คฯ" สบช่องตลาดโฮมออฟฟิศโต เหตุบริษัทขนาดกลาง-เล็ก หันซื้อแทนเช่าสำนักงาน

นายธนะสิทธิ์ เฟื่องไพศาล กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดโฮมออฟฟิศที่เติบโต ขณะที่ซัพพลายยังคงมีน้อย ประกอบกับแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของค่าเช่าสำนักงานที่สูงขึ้นจึง ทำให้ผู้ประกอบกิจการส่วนหนึ่งสนใจซื้ออาคารสำนักงานขนาดเล็ก ซึ่งสามารถควบคุมต้นทุนดำเนินงานได้ และเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ และไม่มีภาระต้องจ่ายค่าเช่าเมื่อผ่อนธนาคารหมดแล้ว


ดังนั้น บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ “ดิ เอเลเมนท์ พระราม 9” บนที่ดินกว่า 4 ไร่ ย่านพระราม 9 พัฒนาเป็นโฮมออฟฟิศ มูลค่ารวมกว่า 700 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาเป็น 2 เฟส โดยแฟสแรก พัฒนาพื้นที่ 2 ไร่ เป็นโฮมออฟฟิศสูง 5 ชั้น 14 ยูนิต ขายราคาเริ่มต้น 22.9 ล้านบาท รองรับพนักงานได้ประมาน 25-30 คน ที่จอดรถ 6 คัน ทั้งนี้ ตลาดโฮมออฟฟิศระดับไฮเอนด์ มีความต้องสูงและไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เน้นเจาะกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดกลาง ต้องการขยายธุรกิจที่ทำงานและอยู่อาศัยในที่เดียวกัน และนักธุรกิจรุ่นใหม่สตาร์ทอัพ คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้


“โฮมออฟฟิศ เป็นช่องว่างตลาดที่กำลังเติบโต ธุรกิจต้องการเปลี่ยนจากการจ่ายค่าเช่า มาเป็นผ่อนกับธนาคารเพื่อซื้อขาด เพื่อบริหารต้นทุนการดำเนินงาน โดยโฮมออฟฟิส ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กโดยเฉพาะบริษัทที่ต้องการพื้นที่หน้าร้าน ธุรกิจที่ต้องการโชว์รูม หรือห้องแสดงสินค้า โดยธุรกิจประเภทนี้อาจจะไม่เหมาะสมที่อยู่ในอาคารสำนักงานขนาดใหญ่”


บริษัทจะเน้นพัฒนาโครงการโฮมออฟฟิศ ที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ และทำเลในเมือง รองรับกำลังซื้อที่มีศักยภาพ แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่กลุ่มสินค้าซึ่งมีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังขายได้อย่างต่อเนื่อง


“มองเห็นโอกาส คนที่ทำธุรกิจขนาดกลางที่มีกำลังซื้อและอยากขยายธุรกิจหรือมองหา ที่ทำงานในทำเลที่ดีและอยู่อาศัยในที่เดียวกันอย่างลงตัวพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกยังมีอีกมากและตัดสินใจไม่ยากที่จะเปลี่ยนจากการจ่ายค่าเช่าเป็นผ่อนกับทางธนาคารเพื่อซื้อขาด และเชื่อว่าโฮมออฟฟิศ จะรองรับความต้องการในตลาดนี้ได้เป็นอย่างดี“


สำหรับแนวทางบริษัทจะเน้นพัฒนาโครงการโฮมออฟฟิศ ที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ และทำเลในเมือง รองรับกำลังซื้อที่มีศักยภาพ แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่กลุ่มสินค้าซึ่งมีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังขายได้อย่างต่อเนื่อง