คลังจี้แบงก์รัฐ เร่งปกป้องข้อมูลลูกค้า

คลังจี้แบงก์รัฐ เร่งปกป้องข้อมูลลูกค้า

"คลัง" จี้ "แบงก์รัฐ" เข้มงวดดูแลข้อมูลลูกค้า มั่นใจไม่กระทบใช้พร้อมเพย์-อีเพย์เม้นท์ ด้านธปท.ชี้สถาบันการเงินมีระบบความร่วมมือป้องกันไวรัส

จากกรณีที่ธนาคารออมสิน ถูกโจรกรรมเงินจากตู้เอทีเอ็ม จำนวน 21 เครื่อง ใน 6 จังหวัดใหญ่ รวมเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท โดยคนร้ายใช้โปรแกรมมัลแวร์โจมตีตู้เอทีเอ็มยี่ห้อ NCR ระหว่างวันที่ 1-8 ส.ค.ที่ผ่านมา นั้น

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ได้ประสานไปยังธนาคารรัฐทุกแห่งให้เพิ่มความระมัดระวังการเข้าโจรกรรมข้อมูลการเงินของลูกค้าและธนาคารมากขึ้น หลังจากเกิดกรณีการโจรกรรมเงินในตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสินในช่วงที่ผ่านมา

“เราดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและขอให้ธนาคารรัฐดูแลและมีมาตรการเพื่อป้องกันการแฮ็กข้อมูลการเงิน และรวมถึง การกำหนดแบบฟอร์มการเงินใหม่ที่ช่วยปกป้องข้อมูลของลูกค้าที่จะเกิดขึ้นกับธุรกรรมการเงินใหม่ ก็มั่นใจได้ในเรื่องที่กลัวจะเกิดการแฮ็กข้อมูล ฉะนั้น ขอให้ลูกค้ามีความมั่นใจได้ 100%

นายกฤษฎากล่าวว่า ไม่ห่วงว่าเหตุการณ์โจรกรรมเงินในตู้เอทีเอ็มออมสินและรวมถึง การปลอมแปลงเอกสารเพื่อใช้หมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลอื่นและทำการโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง จะกระทบต่อแผนการนำระบบอี-เพย์เมนท์มาใช้แทนเงินสดของรัฐบาล ที่ขณะนี้คลังและสถาบันการเงินต่างๆได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสมัครเข้าใช้ระบบพร้อมเพย์ผ่านสถาบันการเงินต่างๆ

ธปท.ชี้แบงก์จับมือป้องมัลแวร์

นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถาบันการเงินทุกแห่งพยายามหาวิธีป้องกันปัญหาพวกไวรัสหรือมัลแวร์ที่เข้ามาทำลายระบบอิเล็กทรอนิกส์และก่อให้เกิดความเสียหายทางด้านการเงิน แต่ต้องยอมรับว่าการป้องกันอาจไม่สามารถทำได้เต็มที่ 100% เพราะมิจฉาชีพเองก็คอยพัฒนาไวรัสตัวใหม่ๆ เพื่อหาทางโจรกรรมการเงิน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ธปท. รวมทั้งสถาบันการเงินต่างๆ พยายามทำ คือ คอยอัพเดทข้อมูลหรือโปรแกรมป้องกันไวรัสตัวใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญหากพบความผิดปกติเกิดขึ้นต้องแจ้งเตือนไปยังสถาบันการเงินอื่นๆ ให้ระมัดระวังด้วย เพื่อป้องกันปัญหาลุกลามออกไป

“การป้องกันเต็มที่เราคงทำได้เพียง 99.99% เช่น ถ้าคืนนี้มีไวรัสตัวใหม่มาแล้วเรารู้ทัน ก็จะทำให้ความเสียหายไม่มาก ดังนั้นสิ่งที่สำคัญ คือ เราต้องจับควันให้ไวแล้วดับไฟให้ทัน เพื่อป้องกันไม่ให้ความเสียหายลุกลามออกไปได้”

นายรณดล กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาสถาบันการเงินต่างๆ ก็มีความร่วมมือในลักษณะนี้อยู่ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างฝ่ายไอทีของแต่ละแห่ง ซึ่งถ้าพบความผิดปกติอะไร กลุ่มนี้ก็จะคอยแจ้งเตือนกันเหมือนที่ออมสินแจ้งมาที่ธปท.และสถาบันการเงินอื่น และขณะนี้ออมสินก็ทำงานร่วมกับตำรวจเพื่อสืบหาสาเหตุอยู่

แบงก์มั่นใจไม่กระทบเชื่อมั่น

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเชื่อว่าไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของระบบการเงินไทยเนื่องจากเงินที่หายไปนั้นไม่ใช่เงินของลูกค้า แต่เป็นเงินธนาคารที่ใส่ไว้ตู้เอทีเอ็มส่วนความปลอดภัยตู้เอทีเอ็มหลังจากนี้ เป็นสิ่งที่ธนาคารต้องคิด หากเกิดเหตุเงินหายบ่อยๆ ทางธนาคารอาจพิจารณาว่า ไม่ตั้งตู้เอทีเอ็มในพื้นที่เสี่ยง

นายปรีดี กล่าวว่า ระบบเอทีเอ็มไม่ได้มีช่องโหว่ และใช้มานานกว่า 30 ปี แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากมิจฉาชีพที่คอยหาช่องทางทำการทุจริต เช่น การสกิมมิ่ง

“สมาคมธนาคารไทยประสานการทำงานกับธนาคารพาณิชย์ทุกด้านทั้งรูปแบบชมรมต่าง ๆ เช่น ชมรมไอที ชมรมเอทีเอ็ม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและการทำงานร่วมกัน และขอย้ำว่ากรณีธนาคารออมสินไม่ได้มีผลกระทบกับเงินของลูกค้า เอทีเอ็มกว่า 60,000 ตู้ทั่วประเทศยังทำงานตามปกติ” นายปรีดี กล่าว

นายปรีดี กล่าวว่า กรณีโจรแฮคตู้เอทีเอ็มออมสินและกรณีมิจฉาชีพหลอกโอนเงินลูกค้าธนาคารกสิกรไทยเกือบ 1 ล้านบาท ไม่ได้เกี่ยวกับระบบการโอนเงินแบบพร้อมเพย์ ระบบพร้อมเพย์มีความมั่นคงปลอดภัยและจนถึงขณะนี้ยังไม่เริ่มการโอนเงิน ซึ่งจะเริ่มใช้จริงปลายเดือนต.ค.นี้ ดังนั้น จึงไม่อยากให้ประชาชนนำมาโยงกัน