MINT - ซื้อ

MINT - ซื้อ

ข้ามผ่านกำไรต่ำสุดของปีไปแล้ว เพื่อมุ่งสู่กำไรงามในครึ่งหลังปีนี้

ประเด็นการลงทุน

จากการที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมา (ลง 8% จากสถิติสูงสุดใหม่ทื่ 43.25 บาท ณ วันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา) ทำให้เรามองเป็นโอกาสที่ดีมากในการทยอยซื้อลงทุนเพื่อเข้าสู่ช่วงกำไรหลักเติบโตโดดเด่นในครึ่งหลังของปี 2559 ทั้งนี้เราคาดกำไรหลักครึ่งหลังปี 2559จะเติบโต 37% YoY เมื่อเทียบกับ 9% YoY ในครึ่งแรกของปี โดยถึงแม้ค่า PER ปี 2559 หลักอยู่ที่ 30 เท่า แต่อัตราส่วนดังกล่าวจะปรับลดลงเหลือเพียง 26 เท่า ในปี 2560 ในขณะที่กำไรเติบโตต่อเนื่องที่ 25% ในปี 2559 และ 15% ในปี 2560 โดยเรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2559 ที่ 42 บาทต่อหุ้นแต่ประมาณการของเรายังมีอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมายปี 2560 ที่ 47 บาทต่อหุ้น

ผลประกอบการดูดีหลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/59

ผู้บริหารชี้ตัวเลขการดำเนินงานที่ผ่านมา ในช่วงเดือนก.ค. และต้นเดือนส.ค.เป็นที่น่าพอใจมาก โดยรายได้เฉลี่ยต่อห้องของโรงแรมเฉลี่ยรวมคาดพลิกกลับมาเติบโต 4% YoY ได้ (มาจากอัตราการเข้าพักคาดเติบโต 1% และ ราคาเข้าพักเฉลี่ยโต 3%) เมื่อเทียบกับตัวเลขที่หดตัวลง YoY มาตลอดในช่วงไตรมาส 4/58 ถึงไตรมาส 2/59 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของกลุ่มโรงแรม Tivoli (12โรงแรมในเครือที่โปรตุเกส) โดยอัตราการเข้าพักกลุ่มโรงแรม Tivoli ก้าวกระโดดขึ้นจาก 69% ในไตรมาส 2/59 มาอยู่ที่ 80% ในเดือนก.ค. และ 88% ในเดือนส.ค. โดยช่วงไฮซีซั่นอยู่ระหว่างเดือนก.ค. ถึงต.ค. ทั้งนี้รายได้เฉลี่ยต่อห้องของบริษัทที่ดำเนินการเองคาดเติบโต 5% YoY ในช่วงเดือนก.ค. และต้นเดือนส.ค. สำหรับธุรกิจอาหารในเดือน ก.ค-ต้น ส.ค ยังคงแข็งแกร่งใกล้เคียงไตรมาส 2/59 โดยยอดขายสาขาเดิมในไทยเติบโตมากกว่า 10% YoY ในขณะที่ยอดขายสาขาเดิมเติบโตน้อยกว่า 5% YoY

ส่องกำไรหลักก้าวกระโดดในไตรมาส 3/59 และทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 4/59

เรามองกำไรหลักเติบโตดีมากในไตรมาส 3/59 และต่อเนื่องยัง 4/59 หลังกำไรหลักเติบโตเล็กน้อยในไตรมาส 2/59 ซี่งเป็นจุดต่ำสุดของปี เราคาดกำไรหลักไตรมาส 3/59 จะเติบโตราว 46% YoY และเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า QoQ จากการดำเนินงานของกลุ่มโรงแรม Tivoli ในช่วงไฮซีซั่นทั้งสามเดือนของไตรมาส 3/59 ทั้งนี้หากมองในอดีตพบว่า MINT สามารถรายงานกำไรหลักทำสถิติใหม่ในช่วงระหว่างเดือนต.ค.-ธ.ค.ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เราจึงมองบริษัทน่าจะรายงานกำไรหลักทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้งในไตรมาส 4/59 (เพิ่มขึ้น 30% YoY และ 90% QoQ) อย่างไรก็ตามบริษัทอาจมีการรับรู้กำไรพิเศษที่มีนัยสำคัญจาการเข้าซื้อโรงแรมในแอฟริกา แต่เรายังไม่สามารถประเมินช่วงเวลาได้

ต้นแบบบริษัทที่ประสบความสำเร็จด้วยกลุทธ์กระจายความเสี่ยง

MINT เป็นตัวอย่างบริษัทที่มีธุรกิจที่สร้างรายได้จากทำเลที่กระจายตัวได้ดี ได้แก่ 53% ของรายได้ครึ่งแรกปี 2559 มาจากธุรกิจในไทย และอีก 47% มาจากธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งกว่า 50% ของรายได้ธุรกิจต่างประเทศมาจากรายได้โรงแรม ซึ่งรายได้โรงแรมมาจาก 34% จากประเทศไทย 20% จากประเทศออสเตรเลีย 11% จากประเทศฝั่งยุโรป 6% จากมัลดีฟส์ 3% จากแอฟริกา และ 18% จากรายได้โครงการทีอยู่อาศัย โดยรายได้ธุรกิจอาหารในต่างประเทศก้าวกระดดดขึ้นจาก 38% ในไตรมาส 1/59 มาอยู่ที่ 44% ในครึ่งแรกปี 2559 หนุนโดยการรวมผลประกอบการของ Coffee Club ในประเทศออสเตรเลีย

นอกจากนี้ ธุรกิจอสังหาริมทัพย์เพื่อขายจะยังคงเป็นหนึ่งในเสาหลักในการหนุนการเติบโตของผลประกอบการของบริษัทในระยะยาว โดยธุรกิจปันส่วนเวลา หรือ Timeshare จะเริ่มกลับมาเติบโตแข็งแกร่งในปี 2560 หลังมีการปรับโครงสร้างในปี 2559 อย่างมีนัยสำคัญเพื่อพัฒนาคุณภาพลูกค้า (หลกัๆ จากจีน ฮ่องกง ไทย และสิงค์โปร์) สำหรับโครงการทีอยู่อาศัยเพื่อขายขนาดใหญ่นั้เราคาดบริษัทจะประกาศการพัฒนาโครงการในประเทศมาเลเซียและอินโดนิเซีย จะเป็นปัจจัยหนุนแนวโน้มการเติบโตของกำไรระยะยาว ในขณะที่บริษัทมีแผนธุรกิจ 5 ปีที่ชัดเจนมาก ได้แก่การวางเป้าหมายการเติบโของกำไรสุทธิเฉลี่ยต่อปี 15-20% แบบมั่นคงในอนาคต 5 ปี ในขณะที่ยอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิอยู่ในเกณฑพอเหมาะที่ 1.3 เท่า ณ สิ้นเดือนมิ.ย. ใกล้เคียงกับนโยบายบริษัทภายในที่ไม่เกิน 1.3 เท่าและต่ำกว่าเงื่อนใขทางการเงินสำหรับการกู้เงินที่กำหนดไว้ที่ 1.75 เท่าอยู่มาก