ส.อ.ท.คงเป้าส่งออกปีนี้ติดลบ 2% วอนธปท.ดูแลค่าบาท

ส.อ.ท.คงเป้าส่งออกปีนี้ติดลบ 2% วอนธปท.ดูแลค่าบาท

"ส.อ.ท." คงเป้าส่งออกปีนี้ติดลบ 2% หลังคาด 7 เดือนแรกติดลบ 2.35% วอนธปท.ดูแลค่าเงินบาท ชี้ไม่ควรต่ำกว่า 34.5 บาท/ดอลลาร์

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ยังคงเป้าส่งออกในปีนี้ติดลบที่ 2% ขณะที่ 7 เดือนคาดว่าส่งออกจะติดลบ 2.35% โดยสาเหตุมาจากสินค้าเกษตรที่ปรับลดลง ทั้งจากข้าว ยางพารา น้ำตาล มันสำปะหลัง ซึ่งราคาข้าวที่จะปรับลดลงจะมาจากในช่วงสิงหาคม-กันยายนนี้ มองว่า ข้าวนาปรังจะออกมาค่อนข้างเยอะ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาข้าวปรับลดลงได้ ขณะที่น้ำตาลยังเจอภาวะการทุ่มตลาดจากบราซิลด้วย

นอกจากนี้ ภาคการส่งออกในช่วง 5 เดือนที่เหลือนั้น คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกเพียง 17,000-18,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยสิ่งที่เป็นอุปสรรคของการส่งออกที่สำคัญ คือ อัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด โดยไม่ควรให้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่ำกว่าที่ระดับ 34.5 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหากค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วไปอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนของการส่งออกได้

ขณะที่ตลาดรถยนต์นั้น คาดว่าจะต้องเร่งปรับตัว เนื่องจากตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตะวันออกกลางจะมีการปรับเกณฑ์ในการนำเข้า คือ หากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดจะห้ามนำเข้าทันที ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ได้

ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีแนวโน้มสนับสนุนการนำเข้าหรือผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้น จากการหารือกับค่ายรถยนต์ในประเทศ พบว่า สำหรับประเทศไทยยังเร็วไป ซึ่งต้องใช้เวลาในการปรับตัวอย่างน้อย 5-10 ปี ซึ่งอยากให้รัฐบาลคิดให้รอบคอบ เนื่องจากการเดินหน้ารถยนต์ไฟฟ้านั้น อาจทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมขนาดเล็ก หรือ ชิ้นส่วนประกอบนั้น ล่มสลาย หรือย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ เนื่องจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

"อยากให้รัฐบาลใจเย็น ไม่เช่นนั้นอาจทำให้อุตสาหกรรมดั่งเดิมหรือขนาดเล็กมีปัญหาได้ อย่างในเรื่องของภาษีนั้นแม้จะให้สิทธิเรื่องการนำเข้า แต่อย่าลืมเรื่องรายได้ที่เคยได้จากน้ำมันก็จะหายไปด้วย รัฐบาลรายได้ก็จะน้อยลง หากมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น” นายวัลลภ กล่าว