‘มีนา’จากไร่นาสู่โต๊ะอาหาร

‘มีนา’จากไร่นาสู่โต๊ะอาหาร

เช็คอินแบบกรีนๆ ที่ร้านอาหารบรรยากาศบ้านสวน

“เพราะมีนา จึงมีข้าว” คอนเซ็ปต์เรียบง่ายแต่ได้ใจคนรักธรรมชาติของ ร้านมีนา (Meena Rice Based Cuisine) อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ คือฝันเล็กๆ ที่ใกล้ความจริงของอดีตคนทำรายการทีวี “จาว” จาวรี ทองดีเลิศ ที่ผันตัวมาเปิดร้านอาหารกรีนๆ ที่บ้านเกิด

“พอดีช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีประเด็นเรื่องราคาข้าว ก็เลยคิดว่าคนจะเลิกทำนากันแล้วนะ เพราะราคามันตก แต่แม่ มีนา มีคอกวัว เรามีข้าวกินตั้งแต่เด็กๆ เลยคิดถึงคำว่า มีนาก็มีข้าว เลยตั้งชื่อร้านว่ามีนา”

ใครที่มีโอกาสมาเยือนร้านมีนา เพียงแค่ก้าวผ่านประตูเข้ามาก็จะสัมผัสได้ถึงความร่มรื่น ต้นไม้ใหญ่หลายต้นมีป้ายชื่อติดไว้ ด้านในมีบ่อน้ำกว้างและเป็นที่ตั้งของร้านอาหารซึ่งออกแบบให้เป็นบ้านไม้สไตล์ล้านนา ส่วนอาหารจะเน้นวัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิค ตกแต่งจานด้วยผักผลไม้ที่ปลูกเอง

“ตัวเองและคุณแม่เป็นคนที่ชอบอาหารออร์แกนิค ที่บ้านก็จะทานผักที่เชื่อถือได้ว่ามาจากตลาดชาวบ้าน ชาวบ้านปลูกเอง หรือไม่ก็แม่ปลูกเอง ถ้ามีเวลาแม่ก็จะไปปลูกผักไว้ตามมุมนั้นมุมนี้ของบ้าน ผักชะพลู ตะไคร้ อะไรแบบนี้ อยากจะให้ทุกอย่างเป็นออร์แกนิค แต่ว่าในความเป็นจริงมันยังทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะพอเป็นร้านอาหาร จำนวนที่ต้องใช้มันเยอะขึ้น แต่เราก็เน้นอาหารที่ปลอดภัย พยายามปลูกเองเป็นหลัก พยายามซื้อจากเกษตรกรโดยตรง เรารู้จักบ้านเขาหรืออะไรอย่างนี้”

สำหรับเมนูต่างๆ ที่เสิร์ฟในร้าน เธอบอกว่าคนในครอบครัวช่วยๆ กันคิด ที่แน่ๆ คือเป็นอาหารที่ตัวเองชอบ และคิดว่าคนอื่นก็น่าจะชอบด้วย

“สมมุติแม่ทำอันนี้อร่อย เราก็ขอสูตรมา ป้าทำเมนูนี้อร่อย น้าทำเมนูนี้อร่อย ก็บอกว่าสอนทำหน่อย ก็เลยเป็นเมนูรวมๆ กันจากหลายๆ ภาคด้วยนะ เพราะว่ามาจากหลายๆ คนทำให้กินแล้วเราชอบ” สำหรับเมนูที่ขีดเส้นใต้ว่าไม่ควรพลาดและคงไม่มีใครพลาด ก็คือ “ข้าว 5 สี” ประกอบด้วยข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวมะลิแดง ข้าวหอมมะลิขาว ข้าวหอมมะลิสีม่วงดอกอัญชัน และข้าวหอมมะลิสีเหลืองจากดอกคำฝอย

“ส่วนเมนูที่คล้ายๆ เป็นซิกเนเจอร์ของร้านก็จะเป็นยำตะไคร้ แล้วก็ปลานึ่ง เมนูของอีสานที่เราจะใส่ข้าวลงไปด้วย ส่วนซี่โครงหมูอบไรซ์เบอร์รี่ของเราจะเหนียวข้นขึ้นเพราะใส่ข้าวลงไป อีกเมนูคือต้มแซบ ทุกทีจะใส่ข้าวคั่ว แต่เราเอาข้าวกล้องมาคั่วแล้วใส่ลงไป สำหรับเด็กๆ ก็มี กุ้งชุบข้าวทอด อยากให้ลองชิมเพราะว่ากว่าจะคิด กว่าจะเอาข้าวมาชุบจะทำได้”

ไม่เฉพาะแต่การใช้ ข้าว เป็นส่วนผสมในเมนูต่างๆ รวงข้าวยังถูกนำมาตกแต่งแจกันแทนดอกไม้ ไม่เว้นแม้แต่เครื่องดื่มก็มีส่วนผสมของข้าวเช่นกัน

สาวจาวบอกว่า ถึงจะเปิดมากว่าปีแล้ว แต่ร้านก็ยังมีการปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ ซึ่งในอนาคตอันใกล้เธอตั้งใจว่านอกจากจะปลูกผักเพิ่มแล้ว จะทำพิพิธภัณฑ์ต้นไม้ด้วย

“ความตั้งใจมีเยอะ คือพื้นที่นี้เป็นที่เก่าที่พ่อ(ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ) เคยปลูกต้นไม้ที่พ่อรักไว้เยอะมาก เป็นสไตล์ป่าแบบให้เทวดาฟ้าฝนดูแล ไม่ได้ดูแลอะไรมาก อยากทำให้เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ต้นไม้ เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่พ่อปลูกเอาไว้เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักแล้ว ตอนนี้อะไรทำได้ก็พยายามทำก่อน เช่น ปักป้ายชื่อใต้ต้นไม้ ให้คนเดินมาแล้วรู้ว่ามีต้นอะไรบ้าง”

มีนา มีร้าน มีต้นไม้ ฝันต่อไปของเธอก็คือมีบ้านพักเล็กๆ ให้คนที่อยากพักผ่อนแบบเรียบง่ายได้เข้ามาเปลี่ยนโหมดเป็นสโลว์ไลฟ์

“น้องชายสนใจอยากทำเป็นที่พักเล็กๆ สักสามสี่ห้อง คิดไว้ว่าอยากให้มันเชื่อมกับยุ้งข้าว เพราะยุ้งข้าวก็เป็นที่เก็บข้าวสมัยก่อน คิดว่ามันน่าจะเข้ากันได้”

มากไปกว่านั้นเธอยังมีความคิดที่จะเชื่อมโยงกับชุมชน โดยทำเป็นตลาดนัดให้ชาวบ้านนำสินค้ามาขาย และเปิดเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชนด้วย

“ในซอยนี้จะเป็นซอยที่เหมือนเป็นการรวมตัวของคนที่ชอบทำอะไรคล้ายๆ กัน เช่น ชอบบ้านไม้ ชอบงานหัตถกรรม ชอบสีธรรมชาติ แล้วทุกคนในซอยนี้มีฝีมือกันหมดเลย มีผ้าย้อมคราม มีงานปักมือ มีงานสานตะกร้า มีเซรามิค มีพวกของกินพื้นบ้านอย่าง กะละแม ไส้อั่วอะไรแบบนี้ ตอนนี้เราก็มีตลาดนัดให้เอาของมาขายที่นี่ แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีโครงการทำการท่องเที่ยวเล็กๆ ในชุมชน”

สำหรับตลาดนัดครั้งต่อไป กำหนดคร่าวๆ ว่าจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ช่วงก่อนงานยี่เป็ง(ลอยกระทง) สนใจเตรียมตัวไว้ได้เลย แต่ถ้าใครอยากแวะมาชิมและชิลล์ไปพลางๆ ก่อน ร้านอาหารไทยบรรยากาศบ้านสวนแห่งนี้เปิดต้อนรับทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. ยกเว้นวันพุธ

“เราใส่ใจในทุกรายละเอียด การทำอาหาร การเลือกวัตถุดิบ หรือว่าการตกแต่งจาน ก็ตั้งใจทำ น้องๆ ทุกคนทีมงานทุกคนตระหนักดีว่าคุณภาพอาหารต้องที่หนึ่ง ก็อยากชวนทุกคนให้มาชิม”

จาวบอกว่า สำหรับเธอนอกจากความภูมิใจที่ได้เสิร์ฟสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้า การได้กลับมาอยู่บ้านอยู่กับธรรมชาติ ยังทำให้คุณภาพชีวิตเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

ที่สำคัญเลยคือเราได้เจออากาศบริสุทธิ์ทุกวัน อากาศดีๆ มีต้นไม้ใหญ่ซึ่งกรุงเทพฯไม่มีเลย ได้กินอะไรที่เราเลือกกินได้ แค่นี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ