‘หุ้นโลก’ เสี่ยงปรับฐาน แนะกระจายสินทรัพย์ลงทุน

‘หุ้นโลก’ เสี่ยงปรับฐาน   แนะกระจายสินทรัพย์ลงทุน

หลังผลประชามติของสหราชอาณาจักรที่โหวตให้ออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป หรือ“เบร็กซิท”เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2559 ส่งผลให้ตลอด 1 เดือนเศษ

 

  ที่ผ่านมา ตลาด “การลงทุนโลก” เต็มไปด้วยความ “ผันผวน” ที่เพิ่มขึ้น

โดยค่า “เงินปอนด์” อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 30 ปี ขณะที่ราคา “ทองคำ” เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผลตอบแทนในตลาดพันธบัตร หรือ “บอนด์ยีลด์” ปรับตัวลดลงจากราคาหน้าตั๋วที่เพิ่มขึ้น และ ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับในทางบวก หลังธนาคารกลางยักษ์ใหญ่หลายประเทศส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

ทว่า “นักลงทุนสถาบัน” เริ่มมองตรงกันว่า ราคาสินทรัพย์หลายตัวที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ เริ่มใกล้จุดอิ่มตัวและมีความเสี่ยงที่จะถูก “เทขาย” ทำกำไรออกมาได้ จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนปรับพอร์ตเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

“คมศร ประกอบผล” หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ มองว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นร้อนแรงตลอดช่วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ได้อานิสงส์จากเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟล์) ไหลเข้าหลังผลเบร็กซิท ซึ่ง ศูนย์วิเคราะห์ฯ มองว่า ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก บอนด์ยีลด์ เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น ส่งผลกดดันต่อมูลค่าของตลาดหุ้นที่ค่อนข้างแพงในหลายตลาด

ประกอบกับผลกำไรของตลาดหุ้นที่ยังหดตัวต่อในไตรมาส 2 ปี 2559 และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ในช่วงที่เหลือของปี

“ตั้งแต่ปลายเดือนก.ค. บอนด์ยีลด์ ทั่วโลกเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น นำโดยบอนด์ยีลด์รุ่นอายุ 10 ปี ของรัฐบาลญี่ปุ่น หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) สร้างความผิดหวังต่อตลาดด้วยการคงนโยบายดอกเบี้ยติดลบ 0.1% ผิดจากที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดดอกเบี้ยจนติดลบเพิ่มเป็น 0.2%”

ส่วนในสหรัฐฯ รายงานการจ้างงานชี้ว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดเป็นอย่างมาก และทำให้ตลาดประเมินโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารสหรัฐ (เฟด) ภายในปีนี้เพิ่มขึ้นจากต่ำกว่า 40% เป็นเกือบ 50% ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงในช่วงที่เหลือของปี เช่น การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลี ในช่วงปลายเดือน ต.ค. ซึ่งหากไม่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน ก็อาจจุดชนวนให้เกิดการล้มรัฐบาล และเปิดโอกาสให้พรรค Five Star Movement  (M5S) ที่มีนโยบายต่อต้านสหภาพยุโรปอาจชนะการเลือกตั้งและได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป รวมทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งอาจเพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมืองอีกระลอก

ด้าน “วศิน สุขวัฒน์วิบูลย์” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวางแผนการเงินลูกค้าบุคคล บล.ภัทร มองว่า ธนาคารกลางทั่วโลกที่ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบจากความไม่แน่นอน ทำให้เงินลงทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น ทำให้คาดว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะอยู่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะ

“ความไม่แน่นอนที่ยังมีอยู่ และราคาสินทรัพย์ที่ปรับขึ้นไปค่อนข้างมาก นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน และควรปรับลดสินทรัพย์เสี่ยงให้น้อยกว่าเป้าหมายในระยะยาวเล็กน้อย เพราะคาดว่าตลาดอาจจะมีความผันผวนได้อีก จากความเสี่ยงของผลกระทบจากนโยบายการเงิน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีความเปราะบาง และปัญหาภาคการเงินในประเทศกำลังพัฒนา”

ทั้งนี้แนะนำให้ถือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีและสม่ำเสมอ เช่น หุ้นปัจจัยพื้นฐานดี มีผลตอบจากเงินปันผลสม่ำเสมอ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่มีผลตอบแทนที่น่าสนใจ และด้วยแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อไปทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้น

ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเมื่อเทียบกับน้ำหนักตลาดจาก “เพิ่มน้ำหนัก” เป็น “เท่าตลาด” Neutral โดยแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่ แต่ยังคงน้ำหนักการลงทุนไว้ต่ำกว่าน้ำหนักตลาดเล็กน้อย อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ ความคาดหวังของตลาดต่อผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนไม่ได้อยู่ในระดับสูง เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มดีขึ้น น่าจะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่

อย่างไรก็ตาม Phatra Edge เชื่อว่า กลยุทธ์การลงทุนแบบจัดสรรเงินลงทุน ที่มีการกระจายความเสี่ยงไปในหลายสินทรัพย์ และมีระดับความเสี่ยงเหมาะสมกับผู้ลงทุน เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมในภาวะที่มีความไม่แน่นอน และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาวจากการลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่รับได้