ชงครม.'ตั้งเอเอ็มซี' แก้หนี้เน่าไอแบงก์

ชงครม.'ตั้งเอเอ็มซี' แก้หนี้เน่าไอแบงก์

“สคร.”เตรียมชงครม.ตั้งเอเอ็มซีภายในเดือนส.ค.นี้ เพื่อรับโอนหนี้เสียของไอแบงก์ไปบริหาร ก่อนเดินหน้าหาแก้ปัญหาฐานะการเงิน

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ( สคร.)  เปิดเผยว่า สคร.ตั้งใจเสนอ ครม.ภายในเดือนนี้ เพื่อพิจารณาการตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์หรือเอเอ็มซี รับโอนหนี้เสียของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) มาบริหารตามแผนฟื้นฟูกิจการของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจหรือ คนร. แต่จะผ่านมติครม.เมื่อใด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ สคร. แต่เรื่องนี้สำคัญต้องรีบทำ เพราะเมื่อโอนหนี้เสียออกไปอยู่ที่เอเอ็มซีได้ แผนงานต่อไปก็ต้องมาพิจารณาว่าจะทำอย่างไร จะหาพันธมิตรรายใหม่เข้ามาหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีนักลงทุนมาพบที่สคร.บอกว่าสนใจไอแบงก์แต่ขอความชัดเจนก่อน

สำหรับแผนการเพิ่มทุนของไอแบงก์ มี 2 โมเดลที่สามารถทำได้ คือ การหาพันธมิตรใหม่ เพื่อใส่เงินเข้ามา หรือ การให้คลังใส่เงินเพิ่มทุนเข้ามา เราต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาให้ธนาคารมีสถานะที่ดีขึ้น และมีเงินทุนใช้ในการดำเนินกิจการต่อไป

ก่อนหน้านี้ นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานคณะกรรมการ ไอแบงก์ ระบุว่า ธนาคารได้ยุติแผนการหาพันธมิตรร่วมทุนในรอบแรกไปแล้ว เพื่อปรับปรุงเงื่อนไขใหม่ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ก่อนจะเปิดหาพันธมิตรรอบใหม่ โดยจะมีการปรับโครงสร้างฐานะการเงิน ให้เงินกองทุนไม่ติดลบ จากปัจจุบันเงินกองทุนติดลบอยู่กว่า 20%

โดยแนวทางในการฟื้นฐานะเงินกองทุนคือการใส่เงินเพิ่มทุน หากจะทำให้เงินกองทุนไม่ติดลบ จะต้องใส่เงินเพิ่มทุนประมาณ 1. 7 หมื่นล้านบาท และหากต้องการให้ฐานะเงินกองทุนอยู่ในระดับ 8.5%ตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะต้องใส่เงินเพิ่มอีกประมาณ 8 พันล้านบาท หรือใส่เงินเพิ่มทุนรวมประมาณ 2.5หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้คนร.มีมติเมื่อวันที่ 9 พ.ย.2558 เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการของธนาคาร โดยให้หาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน ด้วยการเพิ่มทุนให้ธนาคารมีฐานเงินกองทุนไม่ต่ำกว่า 8.5%และให้มีการจัดตั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ หรือ เอเอ็มซี (AMC) โดยกระทรวงการคลัง เพื่อรับโอนหนี้เสียส่วนที่ไม่ใช่ลูกค้ามุสลิมไปบริหาร

จากฐานะการเงิน ณ สิ้นปี 2558 ธนาคารมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ 39 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าที่ขาดทุนจากการดำเนินงาน 162 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิเหลือ 4,595 ล้านบาท จากปีก่อนหน้ามีขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 9,545 ล้านบาท มีสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 9 หมื่นล้านบาท มีเงินฝากอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท และมีหนี้เสียอยู่ที่ 40%ของสินเชื่อรวม