กรมปกครองลุยจับโอเกะเมืองประจวบฯ ค้ากามเด็กสาว

กรมปกครองลุยจับโอเกะเมืองประจวบฯ ค้ากามเด็กสาว

กรมการปกครองลุยจับโอเกะเมืองประจวบฯ ค้ากามเด็กสาวต่อยอดจากอ่างนาตารี ฉาวอีกพบบัญชีจ่ายส่วยตำรวจ

รายงานการปฏิบัติการปราบปรามการค้ามนุษย์ ของชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับฝ่ายปกครอง จ.ประจวบคีรีขันธ์ สนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิด"ปฏิบัติสิงขร 2” เข้าตรวจสอบและจับกุมร้านบลูสตาร์ คาราโอเกะ ในพื้นที่ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมี ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง และ นายทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร ปลัด จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายมานะ สิมมา ผอ.ส่วนการสอบสวนคดีอาญา นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ส่วนกำกับและตรวจสอบ พ.อ.ชำนิ รักษายศ รอง ผอ.ส่วนประสานแผนการปฏิบัติ ศปป.2 กอ.รมน. ร.ต.ประยูร โพสิพูนพันธ์ ชุด ชป.1 มว.รส. ที่1 นางปันนัดดา วงศ์ภูมิ พม.จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายรณสิทธิ์ พฤกษาชีวะ ผอ.ฝ่ายสืบสวน องค์กรพัฒนาเอกชนด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ (NGOs) และพนักงานฝ่ายปกครอง จากสำนักการสอบสวนและนิติการ และ กองการสื่อสาร พร้อมด้วยสมาชิก อส. กองร้อยบังคับการและบริการที่ 1 บก.อส. กรมการปกครอง ปลัดอำเภอและสมาชิก อส. อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ทหาร และตำรวจ จำนวนกว่า 50 นาย

การปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากองค์กรพัฒนาเอกชนด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ (NGOs) ได้ร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย (วังไชยา) ว่า มีเบาะแสร้านบลูสตาร์ คาราโอเกะ ตั้งที่ คูหาเลขที่ 39/1 ต.ประจวบคีรีขันธ์ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการนำเด็กหญิงต่างด้าวอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้ามาค้าประเวณี ซึ่งเข้าข่ายเป็นการค้ามนุษย์ จากการสืบสวนยังพบว่าเด็กหญิงต่างด้าวของร้านบลูสตาร์ คาราโอเกะ ดังกล่าว เคยถูกขบวนการนำพาคนต่างด้าวนำตัวมาค้าประเวณีครั้งแรก (เปิดบริสุทธิ์) ที่สถานบริการนาตารีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ อาบอบนวด ย่านถนนรัชดา กทม. ก่อนถูนำตัวส่งมาเป็นพนักงานนวดและค้าประเวณีอยู่ที่ร้านบลูสตาร์ คาราโอเกะ ซึ่งชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมสถานบริการนาตารีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ อาบอบนวด ใน“ปฏิบัติการสิงขร”ไปแล้วเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา ในความผิดฐานค้ามนุษย์

ภายหลังได้รับแจ้งเบาะแสเจ้าพนักงานได้ให้สายลับทำการล่อซื้อประเวณีจากสถานประกอบการร้านบลูสตาร์ คาราโอเกะ ซึ่งสายลับได้ทำการล่อซื้อประเวณีเด็กหญิงต่างด้าวเป้าหมาย ที่เป็นหญิงบริการของร้าน จำนวน 1 คน ในราคา 1,800 บาท โดยตกลงที่จะไปร่วมประเวณีกันที่โรงแรม ซึ่งได้นัดหมายกับชุดจับกุมไว้แล้ว จากการสอบถามหญิงบริการให้การยอมรับว่ามาค้าประเวณีและยังบอกว่าตนเองมีอายุ 16 ปี 3 เดือน บัตรแรงงานต่างด้าว (บัตรสีชมพู) ของตนนั้นระบุอายุ 20 ปี ซึ่งเป็นเท็จ โดยตนได้จ้างนายหน้าทำให้ในราคา 6,500 บาท

ในเวลาต่อมาชุดจับกุมได้เข้าตรวจสอบและจับกุมร้านบลูสตาร์ คาราโอเกะ ตรวจสอบใบทะเบียนพาณิชย์ รวมถึงใบอนุญาตต่างๆ ของทางร้าน ระบุชื่อ นายสุรพล สุดใจ เป็นผู้รับอนุญาต แต่จากการสืบสวนเชื่อว่าผู้ปรากฎชื่อในใบอนุญาตเป็นเพียงนอมินีเท่านั้น แต่เจ้าของและผู้ดูแลที่แท้จริง เป็นกลุ่มชาวไทยใหญ่ (เมียนมาร์) ที่พบภายในร้านขณะเกิดเหตุ จำนวน 2 คน ได้แก่ นางกุ้ง และ นายหนุ่ม จึงได้จับกุมตัวไว้ และพบหญิงบริการชาวไทยใหญ่ภายในร้านอีก จำนวน 8 คน จึงได้ควบคุมตัวไว้ ตรวจสอบพบของกลางภายในร้านที่สำคัญ ได้แก่ ธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อประเวณี ถุงยางอนามัยใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้จำนวนมาก บัญชีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งยังพบสมุดบัญชีเงินฝากของนายหนุ่ม ผู้ดูแลร้าน ที่มีเงินฝากถึง 1,060,000 บาท พร้อมกับเงินสดในตัวอีก 39,240 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดจับกุมยังพบเด็กหญิงต่างด้าวอายุระหว่าง 10-14 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ในชั้น 2 ของร้านบลูสตาร์ คาราโอเกะ อีกจำนวน 5 คน ซึ่งสอบถามได้ความว่า เป็นลูกหลานของเจ้าของผู้ดูแลร้านและพนักงานของทางร้าน จากนั้นเจ้าหน้าที่ พม.และฝ่ายปกครอง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก นำตัวออกมาคุ้มครองดูแล ณ บ้านพักเด็ก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากเห็นว่าเด็กเหล่านี้อยู่ในสถานที่ที่สุ่มเสี่ยงและไม่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของเด็ก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าของและผู้ดูแลร้านบลูสตาร์ คาราโอเกะ ในเบื้องต้นว่า เป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณี ตั้งสถานค้าประเวณีผิดกฎหมาย และตั้งสถานบริการโดยมิได้รับอนุญาต และได้นำตัวหญิงบริการ จำนวน 8 คน ไปที่ว่าการอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ และพนักงานฝ่ายปกครอง ทำการสัมภาษณ์เพื่อคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์

จากการสอบถาม ปรากฎว่า มีหญิงบริการชาวไทยใหญ่ จำนวน 1 คน ที่ชุดจับกุมล่อซื้อ น่าเชื่อว่ามีอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยมีอายุเพียง 15-16 ปี ซึ่งเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ พม.จึงดำเนินการให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองไว้ก่อน และได้นำตัวไปตรวจอายุกระดูกแล้วที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ หากผลการตรวจอายุกระดูกระบุเป็นที่ชัดเจนว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็จะให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าของและผู้ดูแลร้านในความผิดฐานค้ามนุษย์ จากการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ด้วยการเป็นธุระจัดหาหญิงบริการซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เพิ่มเติมต่อไป

ทั้งนี้หลักฐานที่ตรวจยึดประกอบด้วย สมุดบัญชีเงินฝาก จำนวน 1,060,000 บาท พร้อมบัตรเอทีเอ็ม และโทรศัพท์มือถือของผู้ดูแลร้านชาวไทยใหญ่ โดยชุดจับกุมจะแจ้งไปยัง ปปง. เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงิน เนื่องจากความผิดฐานค้ามนุษย์เป็นความผิดมูลฐานของความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนบัญชีการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ชุดจับกุมได้จัดทำสำเนาเพื่อแจ้งไปยัง ป.ป.ท. พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ และจะรายงานไปยังคณะกรรมการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้อาศัยอำนาจตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 50 สั่งปิด กิจการของร้านบลูสตาร์ คาราโอเกะ ทันที