‘อมรินทร์’ชู‘คอนเทนท์เอเยนซี’รับยุคดิจิทัล

‘อมรินทร์’ชู‘คอนเทนท์เอเยนซี’รับยุคดิจิทัล

การเข้าถึง“สื่อออนไลน์”มีแนวโน้มเติบโตสูง ส่งผลต่อรูปแบบการเสพสื่อของผู้บริโภคในยุคนี้

ทำให้ “สินค้าและแบรนด์”ต้องปรับกลยุทธ์การสื่อสารนำเสนอ “คอนเทนท์” ในทุกช่องทางตอบโจทย์ความสนใจของผู้บริโภค เช่นเดียวกับธุรกิจสื่อที่ต้องปรับตัวตอบโจทย์การสื่อสารแบรนด์

ระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าแนวทางการปรับตัวในยุคดิจิทัลของอมรินทร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิต “คอนเทนท์” มากว่า 40 ปี เริ่มจากนิตยสาร หนังสือเล่ม รายการโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ อีเวนท์หรืองานแฟร์ ดำเนินการภายใต้แนวคิด “Content Business”

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์สินค้าและแบรนด์ที่ต้องการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในทุกช่องทางการเสพข้อมูลและคอนเทนท์ในยุคดิจิทัล ไลฟ์สไตล์ โดยอมรินทร์ได้ปรับบทบาทสู่ “คอนเทนท์ เอเยนซี” ใช้ความเชี่ยวชาญผลิตเนื้อหาที่ตอบโจทย์การสื่อสารสินค้าและแบรนด์ในฐานะลูกค้าของอมรินทร์ และนำเสนอผ่านทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก คือ Publisher จะกลายเป็น Content Agency ผลิตเนื้อหาและนำเสนอในทุกช่องทาง

“เมื่อผู้บริโภคอยู่ในโลกออนไลน์จำนวนมาก แบรนด์ต้องติดตามและเข้าให้ถึงดิจิทัลไลฟ์สไตล์ในยุคนี้ จึงมองหาสื่อออนไลน์มากขึ้น”

แต่วันนี้มี “ช่องทาง” (Channel) บนโลกออนไลน์จำนวนมาก แต่ยังขาด “คอนเทนท์” จึงเป็นจุดได้เปรียบของ “อมรินทร์” ที่มีจุดแข็งด้านการผลิต “คอนเทนท์” ปัจจุบันจึงมีลูกค้า(สินค้าและแบรนด์) ใช้งบประมาณซื้อสื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งทำหน้าที่บริหารสื่อออนไลน์และโซเชียล มีเดียให้ลูกค้ากว่า 10 รายในหลายกลุ่มสินค้าและบริการ โดยสนับสนุนทุกส่วนตั้งแต่การสร้าง ออนไลน์ คาแรคเตอร์ ดิจิทัล แพลตฟอร์ม และคอนเทนท์ที่นำเสนอ รวมทั้งกลยุทธ์การสื่อสารกับผู้บริโภคหรือแฟนของแบรนด์บนสื่อออนไลน์

ในยุคดิจิทัลที่ทุกคนสามารถผลิตคอนเทนท์และนำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ แต่มองว่า Publisher ยังมีจุดเด่นจากการทำงานร่วมกับสินค้าและแบรนด์มายาวนาน รวมทั้งเข้าใจความต้องการของแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงผู้บริโภคและขายสินค้า อีกทั้งมีความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์คอนเทนท์ที่เรียกความสนใจจากผู้บริโภค

ปัจจุบัน Native Advertising เป็นเทรนด์คอนเทนท์โฆษณาที่นำมาสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตคอนเทนท์ใช้เป็นกลยุทธ์มาก่อนหน้านี้ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนจากแพลตฟอร์มหนึ่งสู่อีกแพลตฟอร์ม หรือจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ในยุคนี้

  “ทุกๆ คอนเทนท์ของอมรินทร์ จึงมุ่งตอบโจทย์การสื่อสารในรูปแบบ เนทีฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง มากขึ้นในทุกมีเดีย”

ระริน กล่าวอีกว่าการปรับตัวสู่คอนเทนท์ เอเยนซี เพื่อตอบโจทย์การสื่อสารแบรนด์ในยุคออนไลน์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ “แบรนด์ไม่สามารถพูดเรื่องของตัวเองให้ผู้บริโภคฟังได้ตลอดเวลา” ขณะที่อมรินทร์ สะสมคลังคอนเทนท์และแหล่งข้อมูลมากว่า 40 ปี สามารถสร้างสรรค์คอนเทนท์ผสานเข้ากับ “แบรนด์” เพื่อสื่อสารในรูปแบบเนทีฟ แอดเวอร์ไทซิ่ง ได้อย่างกลมกลืน

“เชื่อว่าผู้คนให้ความเชื่อถือแบรนด์อมรินทร์ ที่มีอายุกว่า 40 ปี มีแหล่งข้อมูลหลากหลาย เมื่อผสานฟังก์ชั่นเทคโนโลยีดิจิทัล และเทคนิคการเล่าเรื่องราวของแบรนด์อย่างแนบเนียน จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์การสื่อสารในยุคนี้ และการก้าวไปสู่คอนเทนท์ เอเยนซีของอมรินทร์”

แนวทางการทำงานในฐานะคอนเทนท์ เอเยนซี ไม่ได้มุ่งเฉพาะสื่อออนไลน์ แต่เชื่อมโยงได้ทุกช่องทางสื่อ ภายใต้กลยุทธ์ “ออมนิ มีเดีย” (Omni Media) ประกอบด้วย “ออนแอร์” สื่อทีวีดิจิทัลช่องอมรินทร์ทีวี , “ออนพริ้นท์” นิตยสารในเครือ , ออน กราวด์ การจัดอีเวนท์และงานแฟร์ 8-10 งานต่อปี , ออนไลน์ คอนเทนท์ทุกสื่อในเครือปัจจุบันมีผู้ติดตามผ่านโซเชียลมีเดียกว่า 8 ล้านราย มีผู้ชมเว็บไซต์คอนเทนท์ในเครือ 100 ล้านเพจวิวต่อเดือน เป็นอีกสื่อทรงพลังและช่องทางสำคัญตอบโจทย์การเข้าถึงสื่อของผู้บริโภคในยุคนี้ และ ออน พ้อยต์ ออฟ เซล การจัดกิจกรรมให้กับแบรนด์ต่างๆ เช่น การแจกตัวอย่างสินค้าในพื้นที่ต่างๆ และร้านนายอินทร์

ปัจจัยสำคัญหลังจากนี้ คือการนำเทคโนโลยีและพัฒนานวัตกรรมที่จะเข้ามาเชื่อมต่อและส่งเสริมคอนเทนท์ให้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้บริโภคและชื่นชอบแบรนด์

“ในยุคดิจิทัล เราไม่ได้คิดเรื่องการทำคอนเทนท์แบบเดิมๆ แต่มุ่งสร้างสรรค์คอนเทนท์ให้สินค้าและแบรนด์ครอบคลุมทุกช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภค ผ่านสื่อในเครืออมรินทร์ และเป็นคอนเทนท์ที่แบรนด์สามารถนำไปใช้สื่อสารในช่องทางของตัวเอง รวมทั้งฟรีมีเดีย ต่างๆ โดยอมรินทร์ ทำหน้าที่ผลิตคอนเทนท์ให้”

ตามทฤษฎีพฤติกรรมการซื้อวันนี้ ต้องได้รับแรงกระตุ้นจากการที่ผู้บริโภคกำลังมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ อย่างน้อย 7 ครั้ง จึงจะเกิดการซื้อ ดังนั้นการสื่อสารกับผู้บริโภคจะใช้สื่อๆ เดียวไม่ได้อีกต่อไป เพราะแต่ละสื่อตอบวัตถุประสงค์ต่อแบรนด์แตกต่างกัน และทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน โจทย์ของ Publisher วันนี้ คือจะทำให้แต่ละ “มีเดีย” ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างไร ดังนั้น “คอนเทนท์” ที่เหมาะกับช่องทางต่างๆ จึงมีความสำคัญในยุคนี้

ปีนี้ทิศทางในฐานะคอนเทนท์ เอเยนซีจะชัดเจนมากขึ้น โดยมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ในกลุ่มที่อมรินทร์เชี่ยวชาญ คือ กลุ่มบ้านและครอบครัว,สุขภพา ,บิวตี้และแฟชั่น

ทิศทางการปรับตัวของอมรินทร์ดังกล่าว เชื่อว่าตอบโจทย์การสื่อสารแบรนด์ได้ครอบคลุมทุกช่องทางการเสพคอนเทนท์ของผู้บริโภค ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ สินค้าและแบรนด์ต่างๆ จะกลับมาใช้งบโฆษณาอย่างแน่นอน แต่จะใช้ผ่านสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

เชื่อว่าอมรินทร์ จะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ในฐานะ “มีเดียและคอนเทนท์” ที่สามารถนำพาแบรนด์ไปสู่ผู้บริโภคตรงกลุ่มเป้าหมาย