เฟดคงดอกเบี้ย ดัน‘หุ้นพุ่ง-บาทแข็ง’ทุบสถิติ

เฟดคงดอกเบี้ย ดัน‘หุ้นพุ่ง-บาทแข็ง’ทุบสถิติ

ทุนนอกไหลเข้าไทยต่อเนื่อง หลัง “เฟด” ส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย หนุนเงินบาทแข็งสุดรอบ 3 เดือน ขณะต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่อง

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้(บอนด์) ยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิม โดย เฟด ชี้ว่าการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในระดับพอประมาณนับตั้งแต่การประชุมครั้งหลังสุดเมื่อกลางเดือนมิ.ย. เช่นเดียวกับการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นมาก

เฟดแสดงท่าทีว่า “เบร็กซิท” ไม่ได้กระทบต่อสหรัฐมากนัก ด้วยการระบุว่าความเสี่ยงระยะสั้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจลดน้อยลงไป ในส่วนของเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ระดับต่ำในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์กันว่า เฟด น่าจะคงดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะจนถึงการประชุมเดือนธ.ค.2559

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลบวกต่อตลาดการลงทุนในประเทศไทย โดยดัชนีหุ้นวานนี้(28ก.ค.) ปิดตลาดที่ 1,524.58 จุด เพิ่มขึ้น 9.18 จุด คิดเป็น 0.61% มูลค่าการซื้อขาย 66,884.69 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิอีก ติดต่อกันเป็นวันที่ 14 อีก 4,194.61 ล้านบาท ดัชนีสูงสุดรอบ 1 ปี 6 เดือน

ขณะที่ผลตอบแทนในตลาดบอนด์ปรับลดลงเกือบทุกช่วงอายุ ซึ่งเป็นผลจากราคาพันธบัตรที่ปรับขึ้น ส่วนเงินบาทแข็งค่าแตะระดับ 34.88 บาทต่อดอลลาร์ เป็นระดับการแข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือน

ศก.ไทยฟื้นทุนนอกไหลเข้า

นายกำพล อดิเรกสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ธนชาต กล่าวว่า เงินทุนที่ไหลเข้าไทยช่วงนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก เฟด ที่ยังคงไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย อีกทั้งยังมีความกังวลจากกรณีเบร็กซิท ทำให้เงินทุนต่างชาติเริ่มกลับมาลงทุนในตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนขึ้น จึงทำให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาต่อเนื่อง

การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติส่งผลให้ค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นด้วย และถ้าดูการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไทยในช่วงนี้ จะเห็นว่าแข็งค่ามากกว่าประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวดีขึ้น อีกทั้งมีสถานะด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่ง จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่อยู่ระดับสูง เงินสำรองระหว่างประเทศก็สูง ขณะที่หนี้ต่างประเทศต่ำ ทำให้เงินบาทเปรียบเหมือนสินทรัพย์ปลอดภัย(เซฟเฮฟเว่น) ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่

“ด้วยฐานะต่างประเทศเราที่แข็งแกร่ง ทำให้เขามองเราเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนสุดในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ อีกทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจก็เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น จึงไม่แปลกที่จะมีเงินทุนไหลเข้ามาค่อนข้างมากในช่วงนี้”

เก็งกำไรกลุ่มแบงก์

นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เออีซี กล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เกิดจากการสลับกลุ่มเล่น หลังจากหุ้นกลุ่มธนาคารประกาศผลการดำเนินงานในบางบริษัทดีกว่าที่คาด และราคาหุ้นยังถือว่ายังไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนักเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น โดยกลุ่มธนาคารในช่วงที่ผ่านมา ซื้อขายอยู่ระดับที่ต่ำ ที่ระดับ 1 เท่าของมูลค่าทางบัญชี ทำให้นักลงทุนหันกลับมาเล่นหุ้นในกลุ่มที่ถือว่าถูกกว่ากลุ่มอื่น

ทั้งนี้ทิศทางของตลาดหุ้นไทยในเดือน ส.ค.จะมีความผันผวนมากขึ้นเนื่องจากเข้าใกล้การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีผลต่อการทำร่างงบประมาณประจำปี 2560 และ ปี 2561 อย่างไรก็ตามทิศทางตลาดหุ้นยังจะแกว่งตัวในกรอบขาขึ้น โดยเป็นผลมาจากเงินทุนไหลเข้าจากต่างชาติ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 1,530 จุด กลุ่มที่แนะนำให้ลงทุนคือกลุ่มค้าปลีก กลุ่มพลังงานทดแทนที่เติบโตดี

นักลงทุนหันซื้อทองคำ

นายพิชญา พิสุทธิกุล อุปนายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นหลัง เฟด ออกมาเผยว่าอาจจะไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำมากขึ้น โดยแนวโน้มราคาทองคำระยะถัดไปยังจะแกว่งตัวในกรอบแคบเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน โดยประเมินกรอบราคาทองคำอยู่ที่ 1,305 - 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 21,000 - 23,000 บาทต่อบาททองคำแนะนำเข้าซื้อหากราคาทองคำทดสอบ 20,000 บาทต่อบาททองคำ

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย(ไทยบีเอ็มเอ) กล่าวว่า ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยยังคงมีความผันผวน โดยเดือนก.ค.นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อแค่ 500 ล้านบาท ทิศทางหลังจากนี้ยังต้องจับตาปัจจัยจากทั้งภายในและภายนอกที่จะมากระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลงประชามติของไทยในวันที่ 7 ส.ค.นี้ และการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐในเดือนพ.ย.2559

อย่างไรก็ตามแม้ว่ากระแสการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างชาติจะผันผวน แต่โดยภาพรวม การถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติยังอยู่ในระดับสูง โดยช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เม็ดเงินไหลเข้าตราสารหนี้ไทยกว่า 1 แสนล้านบาท และมียอดการถือครองอยู่รวม 6.4-7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการถือครองในพันธบัตรระยะยาวกว่า 76% อีก 24% เป็นการถือครองระยะสั้น

บาทแข็งสุดรอบ 3 เดือน

นักบริหารเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เงินบาทวานนี้(28ก.ค.) ปิดตลาดที่ 34.88 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือนตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมานี้ และจากช่วงเปิดตลาดที่ระดับ 34.91 บาทต่อดอลลาร์ระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสูงสุดที่ 34.86 บาทต่อดอลลาร์และอ่อนค่าสูงสุดที่ 34.92 บาทต่อดอลลาร์ โดยยังมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ 7 ก.ค.จนถึงปัจจุบันมี มูลค่าประมาณ 36,000 ล้านบาท ส่วนช่วงหลังในตลาดบอนด์ยังมีแรงขายมากกว่าซื้อ

สำหรับปัจจัยที่บาทแข็งต่อเนื่องแต่ยังเป็นในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาค หลังจากที่เฟด มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม และยังมีการระบุว่าความเสี่ยงระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจได้ลดน้อยลงแล้ว และวันนี้(29ก.ค.)ยังต้องติดตามผลการประชุมบีโอเจ จะผ่อนคลายมาตรการทางการเงินเพิ่มเติมตามที่ตลาดคาดไว้หรือไม่