'ปตท.สผ.'คาดราคาน้ำมันดิบครึ่งปีหลัง ปรับขึ้นกรอบแคบ

'ปตท.สผ.'คาดราคาน้ำมันดิบครึ่งปีหลัง ปรับขึ้นกรอบแคบ

"ปตท.สผ."เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2/59 โตตามแผนลดต้นทุนแม้ราคาขายเฉลี่ยร่วง คาดครึ่งปีหลังราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ

บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2/59 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนทั้งในรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และสกุลบาท แม้จะมีรายได้รวมในรูปสกุลดอลลาร์ลดลง จากราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ที่ลดลงมากตามราคาน้ำมันดิบ ส่วนปริมาณขายยังคงทำได้ตามแผนอยู่ที่ 3.2 แสนบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ดำเนินนโยบายลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายในรูปสกุลดอลลาร์ลดลง

ส่วนแนวโน้มในครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยทั้งปีของบริษัทที่อิงกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทนั้น มีแนวดน้มจะลดลงในครึ่งปีหลัง ซึ่งบริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะยังคงสามารถรักษาระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) ที่ 65-70% และยังคงเป้าหมายที่จะรักษาปริมาณการขายให้อยู่ในระดับเดียวกันกับปี 58 ที่ประมาณ 3.22 แสนบาร์เรล/วัน

PTTEP เปิดเผยว่าในไตรมาส 2/59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 75 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 35 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อคิดเป็นรูปสกุลเงินบาท มีกำไรสุทธิ 2.66 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1.31 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 1.11 พันล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 3.9 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/58 มีรายได้รวม 1.45 พันล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 4.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ

โดยราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 36.62 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับ 48.71 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ปริมาณขายยังคงสามารถดำเนินการผลิตได้ตามแผน โดยมีปริมาณการขายเฉลี่ยสำหรับไตรมาส 2/59 ที่ 3.2 แสนบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจาก 3.15 แสนบาร์เรล/วันในไตรมาส 2/58

ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินนโยบายลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในไตรมาส 2/59 ลดลงเหลือ 982 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 3.46 หมื่นล้านบาท จากระดับ 1.28 พันล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 4.24 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 2/58 ส่วนใหญ่เป็นการลดลงจากค่าเสื่อมราคา ค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายในการบริหาร

ขณะทื่บริษัทขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติสำหรับไตรมาส 2/59 จำนวน 79 ล้านดอลลาร์ ลดลง 80 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติจำนวน 159 ล้านดอลลาร์ มีสาเหตุหลักมาจากภาษีเงินได้จากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนลดลง เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการรับรู้ขาดทุนจากอนุพันธ์ทางการเงินของสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น

สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก จากปริมาณการผลิตน้ำมันชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ของสหรัฐที่ลดลงต่อเนื่อง และเหตุความไม่สงบในประเทศไนจีเรีย ขณะที่อุปสงคี์น้ำมันดิบมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำมันดิบคงคลังทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนของมาตรการในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ รวมถึงความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่อาจไม่ขยายตัวเท่าที่คาด ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวสูงขึ้นในกรอบแคบ ๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่าจะอยู่ในช่วง 40-50 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนราคาก๊าซฯ ซึ่งมีโครงสร้างราคาส่วนหนึ่งผูกกับราคาน้ำมันย้อนหลังประมาณ 6-12 เดือนนั้น มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับราคาก๊าซฯที่ลดลง บริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะยังคงสามารถรักษาระดับ EBITDA Margin ที่ 65-70% และยังคงเป้าหมายที่จะรักษาปริมาณการขายให้อยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว ที่ประมาณ 3.22 แสนบาร์เรล/วัน