"ทรูฯ” ยิงคอนเทนท์ฟุตบอล 6 ลีกยักษ์

"ทรูฯ” ยิงคอนเทนท์ฟุตบอล 6 ลีกยักษ์

“ทรูฯ”ยิงคอนเทนท์ฟุตบอล 6 บิ๊กลีก กว่า 1,500 แมตช์ หวังโกยมาร์เก็ตแชร์ 80% จากตลาดเติมเงินดูคอนเทนท์ผ่านกล่องขายขาดกว่า 550 ล้านบาท

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่บริษัทลงทุนซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนท์สูงสุดของบริษัท โดยเฉพาะคอนเทนท์กีฬา เพราะได้ซื้อลิขสิทธิ์รายการแข่งขันฟุตบอลลีกชั้นนำระดับโลก ทั้งสิ้น 6 ลีก รวมกว่า 1,500 แมตช์ มานำเสนอให้ลูกค้าสามารถรับชมคอนเทนท์ผ่านช่องพันธมิตรคอนเทนท์กีฬา“บีอิน สปอร์ตส์”ครบทุกแพลตฟอร์ม ทั้งโทรศัพท์มือถือเครือข่าย ทรูมูฟ เอช และจอทีวี เพย์ทีวี – ทรูวิชั่นส์

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลทั้ง 6 ลีกข้างต้น ประกอบด้วย “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” หรือ “อีพีแอล” “ลา ลีกา สเปน” “กัลโช่ เซเรีย อา”อิตาลี “ลีก เอิง”ฝรั่งเศส “เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์” สหรัฐฯ และ“โตโยต้า ไทยลีก” ถือเป็นปีที่มุ่งเน้นนำเสนอคอนเทนท์กีฬาฟุตบอลอย่างมาก หลังประเมินจากสัดส่วน 20 -30% ของประชากรไทยสามารถเข้าถึงและรับชมการแข่งขันฟุตบอล ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงกว่ากีฬาประเภทอื่นๆ ทั้งนี้ การที่บริษัทได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด“อีพีแอล”กลับมาอีกครั้ง ถือเป็นความสำเร็จหนึ่ง เพราะ“อีพีแอล”เป็นลีกที่คนไทยติดตามและนิยมรับชมมากที่สุด และราคาลิขสิทธิ์“อีพีแอล”ก็ไม่เคยลดลงเลย โดยในปีก่อนพบว่าราคาประมูลคอนเทนท์ดังกล่าวปรับตัวขึ้นในระดับตัวเลข 2 หลัก

ขณะเดียวกัน บริษัทมองว่านอกเหนือจากจุดแข็งด้านเครือข่ายแพลตฟอร์มต่างๆแล้ว การใช้กลยุทธ์ด้านราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจใช้บริการกับบริษัท จึงได้พยายามปรับเปลี่ยนและนำเสนอราคาแพ็กเกจที่ไม่สูงมากนัก และลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ เพื่ออำนวยความสะดวกการรับชมสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน ที่ไม่ได้รับชมคอนเทนท์เฉพาะช่องทางทีวีเหมือนในอดีต

ทั้งนี้ ราคาใหม่ที่ได้นำเสนอ แบ่งเป็น แพ็กเกจต่างๆ เช่น“แพลทตินั่ม เอชดี”สมาชิกปัจจุบันและสมาชิกลูกค้าใหม่ที่สมัครก่อน 5 ส.ค.นี้ สามารถรับชม“บีอิน สปอร์ต”ช่อง 1 -4 ทางหน้าจอทีวี และ“Truevisions Anywhere” ฟรี ตลอดฤดูกาล (ถึง 30 มิ.ย.2560) แพ็กเกจ “โกลด์ เอชดี” “ซุเปเปอร์ แฟมิลี่ เอชดี” “สปอร์ต แฟมิลี่ เอชดี” สมาชิกปัจจุบันและสมาชิกลูกค้าใหม่ที่สมัครก่อน 5 ส.ค.นี้ รับชม“บีอิน สปอร์ต”ช่อง 4 ฟรี (ถึง 30 มิ.ย.2560) ตลอดจนมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า“ทรูมูฟ เอช”รับชมฟุตบอลทั้ง 6 ลีก ได้ในมือถือผ่านแอพพลิเคชั่น “ทรู ไอดี” ในราคาเพียงเดือนละ 29 บาท เป็นต้น

อย่างไรก็ดี จากการที่บริษัทมีโครงข่ายสัญญาณเต็มประสิทธิภาพ ทั้งเครือข่ายทางสัญญาณอินเตอร์เน็ต หรือทรูออนไลน์ บรอดแบรนด์ ที่จะครอบคลุมทุกพื้นที่มากกว่า 10 ล้านครัวเรือน ภายในช่วงสิ้นปีนี้ รวมถึงการมีธุรกิจเพย์ทีวี

“ทรูวิชั่นส์”ที่มีเข้าถึงกว่า 3.3 ล้านครัวเรือน แบ่งเป็น สัดส่วนสมาชิกกล่องขายขาด 50% และสมาชิกรายเดือน 50% จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจและโอกาสการสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ๆมากขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากตลาดเติมเงินเพื่อรับชมคอนเทนท์ผ่านกล่องขายขาด ซึ่งประเมินว่าจะมีส่วนแบ่งกว่า 80% จากตลาดรวมที่มีมูลค่ากว่า 550 ล้านบาท โดยเป็นการประเมินตามสัดส่วนการเติมเงินเพื่อรับชมคอนเทนท์ฟุตบอล ซึ่งมีสัดส่วนสูงสุดในตลาดเติมเงินฯนี้ อย่างไรก็ดี คาดว่าจะการขยายงานต่างๆข้างต้นช่วยผลักดันให้ภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปีนี้เติบโตสูงกว่าปีก่อน