'อ้อม-สุนิสา'เผยเรื่องรักสุดดราม่า แบบละเอียดยิบ

ถือว่าเป็นการเปิดเผยเรื่องความรักอย่างหมดเปลือกเลยทีเดียว สำหรับ“อ้อม” สุนิสา ในรายการ คลับ ฟรายเดย์ โชว์ based on celeb story ช่อง GMM 25 แถมยังบอกด้วยว่าเคยคบซ้อนในเวลาเดียวกันถึง 10 คน โดยไม่เคยแคร์ว่าคนที่คุยด้วยจะรู้สึกอย่างไร เป็นเหตุให้มี 2 คนในนั้น ถึงขนาดกรีดข้อมือมาแล้ว อีกทั้งยังเคยคิดสั้นจะกระโดดเพื่อฆาตัวตาย เพราะคำว่า “ศักดิ์ศรี” ล่าสุด นสพ.คมชัดลึก เลยสายตรงพูดคุยกับอ้อม เพื่อสอบถามถึงฟีดแบคหลังจากที่ออกรายการ โดยอ้อมเผยให้ฟังดังนี้

กระแสตอบรับหลังจากเปิดใจเรื่องความรักอย่างหมดเปลือก

"ถามว่าอ้อมรู้ฟีดแบคมั้ย อ้อมไม่ค่อยรู้ เพราะอ้อมไม่มีโซเชียลอะไร (แต่ก็มีคนถามเหมือนในรายการว่าตกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย) คือในรายการอ้อมไม่ได้ตอบ อ้อมไม่ตอบมาตั้งแต่เด็กจนโต การที่เราจะคุยกัน เราต้องถามก่อนว่าเราจะมุ่งไปที่อยากรู้เรื่องรสนิยมทางเพศเขา หรืออยากรู้เรื่องความคิด ความรัก ประสบการณ์ ของเขา ถ้าเราตั้งต้นไม่ตรงกัน เราจะคุยกันยังไง มันก็จะจบที่ไม่ตรงกัน เพราะฉะนั้นอ้อมไปรายการนี้ อ้อมไม่ได้พูดเรื่องรสนิยมทางเพศ แต่อ้อมไปพูดถึงเรื่องความรัก ประสบการณ์ และความคิด นี่คือสิ่งที่เราคุยกันกับทางรายการ แต่ปฏิเสธไม่ได้ที่เขาจะขอถามคำถามนี้ เพราะมันเหมือนเป็นคำถามที่ติดปากกับคนส่วนใหญ่เมื่อสัมภาษณ์อ้อม จะต้องมีคำถามนี้ แล้วก็เหมือนคนส่วนใหญ่คุ้นและชิน คือบางคนอาจจะถูกใจว่าอืม...แบบนี้เหรอ หรือบางคน ก็จะพูดว่าเขาก็ยังมีกำกวมอยู่ ซึ่งอ้อมมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญอยู่ที่สาระที่เราได้จากการเรียนรู้ชีวิตของคนๆ หนึ่ง จากการผิดพลาดของคนๆ หนึ่ง อันนั้นมันสำคัญกว่า"

ในรายการพูดถึงประสบการณ์ความรักที่มีทั้งคนรักของเรากรีดข้อมือ ทำร้ายตัวเองถึง 2 คน และอ้อมเองก็เคยคิดที่จะโดดตึกด้วย

"มันเป็นเรื่องเวลาของคนโง่ อ้อมคุยในรายการอ้อมยังรู้สึกเด็กคนนี้มันโง่จริงๆ แต่ยินดีที่จะเรียนรู้มันนะ เพราะว่าความไม่รู้เราจึงทำ ทำเพราะความไม่รู้ แล้วยังทำอย่างโง่ๆ ด้วย อย่าเพลินไปกับมัน การที่อ้อมมาพูดในรายการ เพราะอ้อมมองมุมว่า มันน่าจะเป็นประโยชน์กับคนได้ ถ้าเราฟังดีๆ ลบประเด็นเรื่องรสนิยมทางเพศที่หลายคนอยากรู้ออก อ้อมเชื่อว่าความงี่เง่าของอ้อม น่าจะเป็นประโยชน์กับหลายคน อย่างที่อ้อมบอกในรายการว่าคนที่เราคบ เขากรีดข้อมือ คือในรายการอ้อมก็บอกนะทำไมเขาทำแบบนี้ ทำร้ายตัวเอง แต่พอถึงตัวเรา เราทำหนักกว่าเขาอีก เขาแค่กรีด แต่เราจะโดดเลยนะ ถามว่ามองกลับไป ณ วันนั้นเรารู้ทันที เราลั่นวาจาเพราะอะไร เพราะเราควบคุมเหตุการณ์ไม่ได้ เราคุมเขาให้เป็นแบบที่เราต้องการไม่ได้ เราคุมตัวเองให้เราไม่ฟูมฟายไม่ได้ ฉะนั้นสิ่งที่เอามางัดคือศักดิ์ศรี พอควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ เลยหยิบศักดิ์ศรีมาเล่น ถ้าเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามนั้น เราเล่นกับศักดิ์ศรี ถ้าวันนั้นความซวยมันเกิด เขาไม่เดินกลับมา วินาทีนั้น คนอย่างเราฆ่าได้หยามไม่ได้นะ ศักดิ์ศรีต้องมาก่อน อ้าวเราต้องโดดเหรอ เหมือนที่เราพูดในรายการว่าโชคดีที่เขาเดินกลับมา ถ้าไม่เดินกลับมา อ้อมก็ไม่รู้ว่าจะได้มาสัมภาษณ์ในรายการหรือเปล่า เพราะ ณ วินาทีนั้น เราโง่พอที่จะท้าเขาด้วยศักดิ์ศรี คือความอ่อนไหว ความขาดสติ การเอาชนะ มันจะผลักให้เราหล่นลงไปหรือเปล่า"

ตอนนั้นถือว่ามันเป็นเสี้ยววินาทีที่จะโดดฆ่าตัวตาย เพราะท้าด้วยศักดิ์ศรี

"มันเป็นเสี้ยววินาทีจริงๆ ที่อ้อมอยากจะบอกทุกคนว่า หนึ่งอย่าไปทำให้ถึงจุดนี้ใส่กัน และคนที่กำลังจะเอาศักดิ์ศรีไปยันกับคนอื่น มันไม่มีประโยชน์เลย เพราะถึงที่สุด เราจะขยี้ด้วยศักดิ์ศรี และสุดท้ายเขาเดินกลับมา แล้วหลังจากวันนั้น เขามาแต่ตัวนะ (ช่วงเวลาผ่านมานานหรือยังที่คิดจะโดด) บอกได้เลยว่าเป็นช่วงเวลาที่อ้อมคิดไม่ได้ อ้อมไม่รู้ว่าเป็นช่วงวัยรุ่นหรืออะไร เพราะเรารู้สึกว่าอ้อมมีความเป็นวัยรุ่นอยู่ 20 ปี(หัวเราะ)ช่วงนั้นเป็นช่วงที่คิดไม่ได้จริงๆ ขาดสติจริงๆ"

เคยคุยหรือคบกันพร้อมๆ กันถึง 10 คน แต่ ณ วันนี้ทิ้งความเจ้าชู้ และหยุดแล้ว

"อ้อมว่ามันเป็นความโชคดี ที่อยู่ๆ ก็มีความเข้าใจว่า สิ่งที่เราทำทั้งหมด ถ้าเราสุขจริง เราจะไม่ทำแบบนั้น เรายอมรับกับมันว่าการที่เราทำแบบนั้นมาทั้งหมด เพราะเราไม่มีความสุขจริงๆ ต่างหาก เราเข้าใจว่านั่นมันคือความสุข แต่มันไม่ใช่ความสุขที่จริง มันดูทุกอย่างเร่งจะรีบ เหนื่อย การสะสมตัวเลข การสะสมจำนวน และก่อประสบการณ์ใดๆ ที่ตามจีบมา ตอนนั้นมันไม่ใช่ความสุขที่จริง แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าเราไม่มีวันนั้น เราจะไม่มีวันนี้ ถ้าเราไม่เคยไม่ดี เราจะไม่รู้หรอกว่าความทุกข์ของความไม่ดีมันเป็นยังไง แต่พอวันนี้ได้เห็น อ้อมยินดีนะถ้าใครจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนๆ หนึ่ง อ้อมยินดีด้วย แต่สำหรับอ้อมมันไม่ใช่ ถ้าวันนี้อ้อมเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนๆ หนึ่ง เพราะอ้อมบอกว่าอ้อมรักเขา หรือเพราะเห็นว่าเขารักอ้อม เลยเปลี่ยนเพื่อเขา มันฟังดูโรแมนติกมากเลยนะ แต่ถ้าวันหนึ่งเขารักอ้อมน้อยลงล่ะ อ้อมจะมีข้ออ้างในการกลับไปนิสัยไม่ดีหรือเปล่า หรือว่าวันหนึ่งอ้อมรักเขาน้อยลง ความรักของเราทั้งสองคนไม่คงที่ และเปลี่ยนไปจากเดิม ความดีที่อ้อมอยากจะทำ มันจะเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปล่า ความรักมันขึ้นลงได้"

ตอนนี้เหลือคนที่คุยเพียงคนเดียว

"เดี๋ยวนี้ใช้วิธีคุยคนเดียว แล้วมันไม่เหนื่อยดี เมื่อก่อนอ้อมตรงเวลามาก เพราะอ้อมคุยหลายคน อ้อมจึงต้องตรงเวลา เพราะต้องนัดเวลาคนนี้เวลานี้ คนนั้นเวลานี้ นี่ความตรงเวลามันมาจากการที่เราไม่นิสัยไม่ดี เรารักษาเวลา เพราะกลัวเขาเห็นกัน ตอนนี้เลยเป็นคนสบายๆ เลทได้ 5 นาที เพราะไม่ต้องกลัวว่าคนนี้จะมาจอดรถซุ่ม นี่แหละคือการไม่เป็นทุกข์ (คนปัจจุบันที่คุยด้วยได้ดูที่อ้อมไปออกรายการมั้ย)ไม่ดู ทางเรายินดีให้เขาดูนะ เพราะเราเล่าเรื่องอดีต แล้วไม่มีปัญหา แต่เราเห็นใจเขาตรงที่ว่า เขาบอกว่าไม่ได้เกิดประโยชน์โทษผลอะไรกับเขา แต่สิ่งที่เกิดตามมา คือเขาต้องมาตอบคำถามกับคนบางคนที่จะเข้ามาถามเขา เพราะเขาไม่อยากให้คนมองเราไม่ดี เราได้แต่บอกเขาว่า ถ้าเราจะถูกมองไม่ดี คือถือว่ามันเป็นกรรมของเราที่เราเคยทำ"

ใช้ธรรมะเข้ามาช่วย

"คำสอนของครูบาอาจารย์ ธรรมะมีส่วนในการเปลี่ยนชีวิตคน อย่างอ้อมเยอะมาก ไม่ใช่อายุนะที่เปลี่ยนชีวิต ธรรมะเปลี่ยนชีวิตนะ ธรรมะปรับใจเราได้ เราอาจจะยังไม่ใช่คนดีอย่างที่สังคมต้องการ หรือในสังคมอุดมคติ อย่างน้อยเราเชื่อว่าเรามีการพัฒนา และเปลี่ยนแปลงในบางจุด บางเรื่องมันจะไม่ดีอย่างสม่ำเสมอ แต่อย่าลืมว่าเราทำซ้ำๆ มาเป็น 10 ปี แต่เราเพิ่งมาปรับและเปลี่ยน พยายามทำให้ดีขึ้น ต้องมีทำสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง ถ้าเรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำอยู่ อ้อมเชื่อว่าวันหนึ่ง มันก็เดินขึ้นไปได้ ความรักก็เหมือนกัน คุณเคยเจ้าชู้มา เกเรมา ไม่ใช่ว่าคุณเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าคุณมุ่งมั่นที่จะทำมัน และเห็นคุณค่า และความจริง จริงๆ ความเจ้าชู้ไม่ให้ประโยชน์อะไรเลย มันเกิดจากความทุกข์ด้วยซ้ำ ถ้ายอมรับความทุกข์และแก้ทุกข์ให้ถูกจุด แล้วคุณก็จะไม่ทุกข์ แล้วก็จะไม่เจ้าชู้"

กับเรื่องแต่งงาน

"เรื่องแต่งงานสำหรับอ้อม แม่เคยถามนะ แต่สุดท้ายด้วยความที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เขาก็บอกว่า เอาเป็นว่าถ้าอยู่กับใคร การมีคู่แล้วไม่มีความสุข อยู่คนเดียวก็ได้ บางครั้งการมีเพื่อนที่ดีก็อาจจะดีกว่าการมีครอบครัวที่อ้อมไม่มีความสุข อย่ามีครอบครัวเพราะต้องการให้สังคมมองว่านี่ถูกกฏสังคม อย่าต้องทำอะไร เพราะแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ลักษณะของแม่เลี้ยงเดี่ยวคือเมื่อมีปัญญาก็จัดการปัญหาวันนั้นดีที่สุดคือแยกตัว แล้วเขาเลยรู้สึกว่าถ้าการแยกตัว มันทำอะไรง่ายขึ้น ชีวิตคู่ไม่ใช่ว่าจะที่สุดเสมอไป คือการแต่งงานไม่รู้ว่าผู้ชายคิดหรือเปล่า แต่ผู้หญิงคิด โดยเฉพาะผู้หญิงที่โตมาคิดว่าทุกอย่างมีภาพในชีวิต เรียนจบ ทำงาน แต่งงาน มีลูก แต่งตัวแบบนี้ แก่ตายไปแบบนี้ อ้อมเป็นผู้หญิงแบบนั้นเลย อ้อมเคยเฟลเรื่องจะแต่งงานอายุ 25 เฟลอย่างจริงจัง เพราะนั่นคือแผนในชีวิตที่มันล่มสลาย กับการที่เราเลือกเดินกับใครสักคนในชีวิต ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ แล้วเผลอๆ แล้วการเข้าไปเดินแล้วใช่ว่าจะเดินไปด้วยกันได้ตลอด"

กลัวหรือขยาดการแต่งงาน

"ถ้าอ้อมจะกลัวการแต่งงาน บางทีมันไม่ใช่ว่าเรากลัวมากจากตอนอายุ 25 ที่เราไม่ได้แต่งหรอก เพราะมันมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างในการใช้ชีวิต จะบอกว่าเรื่องของพ่อแม่มีส่วนสำคัญมั้ย เราก็ไม่อยากเอาปมตรงนั้นมาชู เพราะในสังคมตอนนี้ มันมีทั้งสมหวังและผิดหวัง บางทีสตาร์ทสวยแต่จบไม่สวย บางทีสตาร์ทไม่สวยจบสวย มันคือความไม่แน่นอน สุดท้ายถามว่าถ้าการแต่งงานคือทำให้สังคมยอมรับ ถ้ามันถึงวันต้องแต่ง คือต้องแต่ง แต่ใจความหลักของการมีชีวิตคู่ คือความเข้าใจกันระหว่างคู่ อ้อมว่าอันนี้สำคัญกว่า"

ความรักของอ้อมจะเปิดเผยคนที่คบหาได้ไหม

"ตั้งแต่เล็กอ้อมไม่เคยเปิดเผยอยู่แล้ว แล้วอ้อมก็ชินกับการมีโลกส่วนตัว อ้อมยังตกใจเลยนะ พออ้อมพูดเรื่องความรักแล้วมีคนตื่นเต้น จนอ้อมกลัว เพราะอ้อมไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวนี่เอง คำว่าเรื่องส่วนตัว ก็เป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ เพียงแค่ในยุคสมัยนี้หลายๆ ครั้ง หลายๆคน เอาเรื่องส่วนตัวไปเป็นเรื่องสาธารณะ จนเข้าใจไปว่าเรื่องคนนี้ยังเป็นสาธารณะเลย ฉะนั้นเรื่องของคนนี้ ก็เป็นเรื่องสาธารณะได้ด้วยสิ โดยที่ลืมไปว่าคนแต่ละคน มีกรอบความคิดที่ไม่เหมือนกัน เหมือนอ้อมที่ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ถ้าเขาไม่อยากบอก เราจะไม่ยุ่ง"

โกนหัวบวชชีมาถึง 3 ครั้งแล้ว

"ครั้งที่ 4 ไม่แน่ใจเลย แต่การบวชที่ผ่านมา มันสอนให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง เป็นการเรียนรู้ที่เพิ่มเติม อ้อมว่าหลายคนก็ทราบ บางทีเราต้องประสบพบเจอกับมันถึงจะเข้าใจว่าจุดไหนก็แล้วแต่ มันอยู่ที่ใจ ตอนนี้ยังไม่มีแพลน ขอพักก่อน ที่บวชล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้วถึงต้นปี ที่อินเดีย สึกปลายมกราคมที่ผ่านมา"