สิทธิโชค นพชินบุตร มั่นใจ ‘ดีแทค’ ดีได้อีก

วันที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยยังคงดุเดือด ผู้ให้บริการประสบปัญหากำไรลด ทั้งมีความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล หนึ่งในผู้บริหารที่กุมบังเหียน มีส่วนกำหนดทิศทางความเป็นไปในองค์กร หนีไม่พ้นฝ่ายการตลาด

นายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด(ซีเอ็มโอ) บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค เผยว่า เป้าหมายในฐานะซีเอ็มโอของดีแทค คือผลักดันให้บริษัทกลายเป็นแบรนด์ดิจิทัลอันดับ 1 ของไทยภายในปี 2563 จากปัจจุบันครองอันดับท็อป ​10

ปรับแบรนด์สู่ “ดิจิทัล”
แนวทางการทำงาน มุ่งพัฒนา 3 เรื่อง ประกอบด้วย 1.ปรับภาพลักษณ์แบรนด์และวัฒนธรรมการทำงานที่สะท้อนความเป็นองค์กรดิจิทัล 2.นำเสนอบริการดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนท์ตลาดอย่างต่อเนื่อง 3.พัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยปีนี้วางงบประมาณทางการตลาดไว้ราว 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 20%

“เรามั่นใจว่าโครงข่ายไม่ได้ด้อยกว่าคู่แข่ง แต่สิ่งที่จะทำวันนี้ คือ เตรียมตัวรอรับเทรนด์ดิจิทัลที่จะมาในอนาคต ยอมรับว่าระยะสั้นอาจไม่สามารถเห็นเป็นตัวเลขของรายได้ แต่มั่นใจว่าจะส่งผลดีในระยะยาว”

สิทธิโชค บอกว่า ระยะ 2-3 ปีหลังมานี้การแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต่างออกไปจากเดิม เช่นเดียวกับปีนี้ที่ยังคงรุนแรง เช่น กระหน่ำแจกดีไวซ์ให้ลูกค้าเพื่อซื้อส่วนแบ่งทางการตลาดในระยะสั้น ซึ่งบริษัทเองใช้วิธีรับมือด้วยการแจกเครื่องสู้ ทว่ามองเป็นเกมที่ไม่อยากเล่น และต่อไปในระยะยาวจะพยายามสร้างเกมของตัวเอง

ยังหวังขึ้นเบอร์1 โทรคม
อย่างไรก็ดี หนึ่งในงานเร่งด่วน คือ ทำอย่างไรที่จะรักษาฐานตลาดพรีเพดที่เริ่มสูญเสียลูกค้าไปให้คู่แข่ง ส่วนโพสต์เพดยังเติบโตได้ค่อนข้างดี ทั้งเชิงจำนวนลูกค้าและรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือน (อาร์ปู้)

“ดีแทคยังดีได้อีก เราไม่ได้มองแค่การรักษาอันดับ 2 แต่ภายในคุยกันว่าจะเปลี่ยนตลาดและขึ้นไปเป็นเบอร์ 1 อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยได้อย่างไร”
ความเข้าใจตลาดเป็นเรื่องสำคัญ หากทำได้ดีย่อมสร้างการเปลี่ยนแปลง การสร้างความต่างของดีแทค มุ่งพิจารณาความเป็นตัวตน ดีเอ็นเอของตัวเอง ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

กว่า 50 วันที่เข้ามานั่งตำแหน่งนี้ได้ลุยปรับกระบวนการการทำงานกับทีม ประชุมงาน พร้อมเข้าทำความเข้าใจกับพนักงานถึงตัวเลขผลประกอบการที่ออกมาว่าเป็นเพียงผลกระทบจากการแข่งขัน แต่ยันยันได้ว่าธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่คู่แข่งยังขาดทุน ดีแทคยังสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง

ยัน “ไทย” ตลาดสำคัญดีแทค
นอกจากนี้ มีหลายคำถามที่เกี่ยวกับว่าดีแทคจะยังอยู่ในประเทศไทยต่อหรือไม่ จะลงทุนต่อหรือเปล่า เรื่องนี้ขอยืนยันว่าดีแทคยังให้ความสำคัญกับประเทศไทย เมื่อไม่นานมานี้ซึ่งประธานเทเลนอร์กรุ๊ปมาเยือนไทยยังฝากไว้ว่า พร้อมจะสนับสนุน ลุนทุนคลื่นความถี่ และต้องเติบโตต่อ

ดีแทคระบุว่า ไตรมาสที่ 2 ปี 2559 สัดส่วนผู้ใช้บริการด้านเสียงลดลง ทว่าใช้บริการข้อมูลเพิ่มขึ้นจาก 58% ของฐานลูกค้ารวมเป็น 60% ด้านส่วนสัดส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนมีอยู่ 65% ปัจจัยการเติบโตมาจากข้อเสนอแพ็คเกจที่คุ้มค่า โครงข่าย 4จีครอบคลุม จึงเป็นโอกาสที่ดีแทคจะใช้เป็นช่องทางนำเสนอบริการออนไลน์คอนเทนท์ โดยจะเร่งปรับกลยุทธ์และช่องทางการสื่อสารให้ตรงความต้องการ

บริษัทตั้งเป้าว่าจากปัจจุบันมีลูกค้าผู้ใช้บริการ 4 จีจำนวน 3.5 ล้านเลขหมาย สิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 6 ล้านเลขหมาย จากเดิมตั้งไว้ที่ 10 ล้านราย เหตุที่ลดลงเนื่องจากการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของลูกค้านานกว่าเดิม