'ไพบูลย์' ท้า 'กลุ่มพระเมธี' มั่นใจบริสุทธิ์ให้สู้คดีในศาล

'ไพบูลย์' ท้า 'กลุ่มพระเมธี' มั่นใจบริสุทธิ์ให้สู้คดีในศาล

“พล.อ.ไพบูลย์” ท้า "กลุ่มพระเมธี" มั่นใจบริสุทธิ์ให้สู้คดีในศาล แจง “ดีเอสไอ” ไม่เกี่ยวข้องเรื่องแต่งตั้งสังฆราช

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีพระเมธีธรรมาจารย์ โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คลักษณะเชิญชวนให้กลุ่มพระออกมาเคลื่อนไหวกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สรุปผลสอบรถเบนซ์คลาสสิคในความครอบครองของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จฯช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชว่าเป็นรถที่ชำระภาษีไม่ครบถ้วนและต้องดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องว่า เชื่อว่าคงไม่ใช่การปลุกม็อบ เพราะตามกฎหมายม็อบไม่สามารถทำได้ ต้องดูว่าเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะใด ชอบธรรมหรือไม่ ต้องดูวิธีการ แต่หากจะมีการเชื่อมโยงมาถึงการเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ก็ต้องชี้แจงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำงานของดีเอสไอและกระทรวงยุติธรรม เป็นคนละส่วนกัน   

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า กรณีที่มีการโจมตีว่าดีเอสไอดำเนินการไม่ถูกต้องนั้น ที่ผ่านมาดีเอสไอเปิดโอกาสให้มีการชี้แจงและให้ความเป็นธรรม ทำงานตามหน้าที่ตลอด ในคดีนี้มีทั้งฝ่ายที่เร่งรัดอยากให้เร็วและตำหนืดีเอสไอว่าทำคดีล่าช้ากับฝ่ายที่กล่าวหาว่าทำคดีเร็ว สำหรับกรณีที่ทนายความวัดปากน้ำฯออกมาระบุว่าหากมีการแจ้งข้อกล่าวหากับสมเด็จฯช่วงจะฟ้องกลับพนักงานสอบสวนนั้น เป็นเรื่องที่ดี ทุกคนมีสิทธิสามารถใช้สิทธิของตนเองได้ ซึ่งตนเห็นด้วยที่จะใช้กระบวนการยุติธรรมรักษาสิทธิตัวเอง ไม่ใช่วิธีนอกระบบ ส่วนกรณีที่ความพยายามยืนยันว่าสมเด็จฯช่วงบริสุทธิ์นั้น ตามกระบวนการยุติธรรมคดีต้องไปจบที่ชั้นศาล ขณะนี้ขั้นตอนยังอยู่ชั้นพนักงานสอบสวน หากพนักงานสอบสวนเห็นว่ามีความผิดและมีการกล่าวหา ผู้เกี่ยวข้องก็มีหน้าที่ต้องไปแก้ต่าง ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าอัยการจะสั่งฟ้องให้หรือไม่ โดยในวันที่ 27 ก.ค.นี้ จะมีประชุมร่วมพนักงานสวนสวน เพื่อลงมติว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาใดกับผู้เกี่ยวข้องบ้าง      

รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการเจรจาฝ่ายสงฆ์เพื่อให้พระธัมมโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ยอมเข้ามอบตัวว่า ก็ยังดำเนินการอยู่ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า ในส่วนของฝ่ายกฎหมายจึงต้องเดินหน้าต่อไป ไม่สามารถยุติได้ โดยไม่ได้ให้ประเด็นว่าต้องคอยเรื่องทางศาสนาอย่างเดียว เพราะขณะนี้ถือว่าเกินเลยเวลามาพอสมควรแล้ว ส่วนการขอหมายค้นรอบ. 2 นั้นไม่มีประเด็นใดเกี่ยวข้องว่าจะต้องรอให้พ้นวันลงประชามติวันที่ 7 ส.ค. ไปก่อน ขณะนี้ดีเอสไอยังต้องสอบปากคำพระสงฆ์อีก . 4-5. รูป. โดยตนเน้นให้ดีเอสไอทำด้วยความรอบคอบ หากเห็นแล้วว่าดำเนินการอะไรไปแล้วจะเหมือนครั้งแรกก็อย่าเพิ่งทำ และไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ หากทุกคนเคารพกฎหมายก็ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ อย่าไปคิดว่ามาตรา 44 เป็นมนุษย์วิเศษหรือของวิเศษ   

“กฎหมายปกติของไทยที่มีอยู่ดีที่สุดแล้ว เพียงแต่จะทำอย่างไรให้คนที่อยู่ภายใต้กฎหมายเคารพกฎหมาย ไม่ใช่ร้องแรกแหกกระเชอ ทำผิดกฎหมายอยู่เรื่อย ๆหากสังคมไม่ยอมรับวิธีการอย่างนั้น ก็ต้องช่วยกันทำให้คนเคารพกฎหมาย หลายคนชอบพูดกันเรื่อง 2 มาตรฐานแต่พอตัวเองทำกลับไม่พูดสักคำ”พล.อ.ไพบูลย์กล่าว