ปรับตัวขึ้นต่อ

ปรับตัวขึ้นต่อ

ทยอยลดพอร์ต ซื้อหุ้น กลุ่ม ธนาคาร ค้าปลีก รับเหมา ที่ยัง laggard

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ :  ปรับตัวขึ้นต่อ

ดูเหมือนแรงซื้อยังจากต่างชาติที่ไหลเข้ามายังมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นไปต่อเนื่อง แม้ว่าวันนี้ตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อจาก fund flow ที่เข้ามา อย่างไรก็ตามเราอยากให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะมีปัจจัยลบจากภายนอกทั้งจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง ค่าเงินดอลล่าร์ที่แข็งค่าขึ้น และสถานการณ์ก่อการร้ายในยุโรปซึ่งจะทำให้แรงซื้อจากต่างชาติมีโอกาสชะลอตัวลง สำหรับปัจจัยในประเทศเรายังมองแรงเก็งกำไรของงบไตรมาส 2/59 ที่จะเริ่มทำ preview ในช่วง 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้ รวมทั้งมีการประกาศงบของหุ้นใหญ่คือ PTTEP และ SCC ในกลางสัปดาห์นี้

แนวรับ/แนวต้าน : 1500/1520 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

กลยุทธ์ : ทยอยลดพอร์ต ซื้อหุ้น กลุ่ม ธนาคาร ค้าปลีก รับเหมา ที่ยัง laggard

หุ้นแนะนำ

IVL (40.00) : ระยะสั้นเราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q59 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy ส่วนในระยะยาวภาพรวมของอุตสาหกรรม polyester เริ่มมีสัญญานที่สดใสขึ้น ในขณะที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนภาพดังกล่าว เราเชื่อว่านักววิเคราะห์เริ่มมีการปรับเพิ่มประมาณการและราคาเป้าหมายหลังงบไตรมาส 2/59 ประกาศ

KCE (105) : เรามองว่าแนวโน้มค่าเงินยูโรอ่อนจะมีผลกระทบจำกัดต่อ KCE จากการศึกษาของเราพบว่า Correlation ระหว่างค่าเงินบาทต่อยูโรและอัตรากำไรขั้นต้นของ KCE ในช่วง 41 ไตรมาสย้อนหลังอยู่ที่ -0.29 ซึ่งสะท้อนว่าทิศทางค่าเงินยูโรไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่จะชีวัดทิศทางการดำเนินงานของผลประกอบการได้ เราจึงแนะนำซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว จากแนวโน้มอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้าในรถยนต์ที่สดใส

PACE (4.20) : ภาพรวมผลการดำเนินงานคาดว่าจะพลิกจากขาดทุนมาเป็นบวกในช่วง 1-2 ปีนี้ จากการรับรู้รายได้ของโครงการมหาครและมหาสมุทร เราจึงแนะนำให้ซื้อสะสมในช่วงราคาหุ้นอ่อนตัว นอกจากนี้ในระยะยาวคาดว่าจะเห็นการขยายตัวในธุรกิจร้านกาแฟ Dean & Deluca มากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ

THAI (31.75) : คาดผลประกอบการ 2Q59 ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์จากราคาน้ำมันในช่วงต้น 2Q59 ที่อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ THAI ยังได้รับผลบวกจากการท่องเที่ยวที่ยังแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวจีน การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย และต้นทุนลดลงจากการปฏิรูปองค์กรในปี 58



ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

- ‘ธปท.’ประเมินเอ็นพีแอลขยับแบงก์รับมือไหว ธปท.ระบุเอ็นพีแอล ครึ่งปีแรกพุ่ง 11.14% ฉุดกำไรแบงก์ทั้งระบบหด 5% ยังไม่น่าห่วงเหตุส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้รายย่อย และลูกหนี้รายเดิม รับแนวโน้มเอ็นพีแอลขยับเชื่อระดับกันสำรองแบงก์รับมือความเสี่ยงได้ (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ)

+ สั่งหน่วยงานรัฐซื้อโฆษณา "กสทช." เสนอครม.เยียวยาทีวีดิจิตอล "กสทช." ชง ครม.เคาะแนวทางช่วยเหลือเยียวยาทีวีดิจิตอล 22 ช่อง หลังบอร์ด สกท.มีมติให้ยืดระยะเวลาชำระค่าประมูลงวด 4 ออกไปก่อน หรือให้หน่วยงานรัฐ-รัฐวิสาหกิจ ช่วยซื้อเวลาโฆษณาตามสัดส่วนการจ่ายเงินค่าประมูล ก่อนให้คลังเป็นผู้กำหนดระยะเวลาชำระค่าประมูลใหม่ (ที่มา: ไทยรัฐ)

- 'จีน'บอยคอตเที่ยวเชียงใหม่ เชียงใหม่-เชียงราย เริ่มได้รับผลกระทบหลังจีนบอยคอต รับไม่ได้ถูกประณามทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม หันไปเที่ยวทะเลภาคใต้แทน นายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย เปิดเผยว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยในภาคเหนือได้ลดลงเนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ประกอบกับกระแสในโลกโซเชียลที่มีการประณามนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาก่อความประพฤติที่ไม่เหมาะสม ทำให้ชาวจีนกลุ่มหนึ่งเริ่มบอยคอตไม่เดินทางไปเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ ส่งผลให้กิจการโรงแรมและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบระดับหนึ่ง (ที่มา: โพสต์ทูเดย์)

+ เร่งฟื้น ‘ยอดรถ’ชูแคมเปญล่อใจรายวัน-ช่วยผ่อน ตลาดรถยนต์ในปี 2559 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังผ่านไปครึ่งปีแรก โดยอัตราถดถอยเหลือต่ำกว่า 1% เทียบกับช่วงต้นปีที่ติดลบ 2 หลัก อย่างไรก็ตามทุกค่ายยังคงโหมจัดกิจกรรมกระตุ้นการขายต่อเนื่อง นอกจากแคมเปญทางการเงินหรือแจกแถม ยังมีรายละเอียดอื่นๆ เช่น การหาวิธีดึงคนเข้าโชว์รูมด้วยข้อเสนอ “ส่วนลด-รางวัล” หรือการนำเสนอเงื่อนไขการเงินแบบรายวัน (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ)

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์และบวกขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นเอทีแอนด์ทีและหุ้นเวริซอน ขณะที่ข้อมูลภาคการผลิตที่สูงเกินคาดของสหรัฐช่วยหนุนตลาดด้วย ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 53.62 จุดหรือ 0.29% สู่ 18,570.85, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 9.86 จุดหรือ 0.46% สู่ 2,175.03 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 26.26 จุดหรือ 0.52% สู่ 5,100.16 ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ราว 5.6 พันล้านหุ้น ต่ำกว่าปริมาณเฉลี่ยในรอบ 20 วันทำการที่ผ่านมาที่ 7.5 พันล้านหุ้น จำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2.01 ต่อ 1 ในตลาดนิวยอร์ค และ 1.88 ต่อ 1 ในตลาด Nasdaq หุ้นทั้ง 10 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดบวก นำโดยกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม

+ ดัชนี FTSE 100 ปิดบวกขึ้น 30.59 จุด หรือ 0.46 % สู่ 6,730.48 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,663.72-6,735.94 โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) อาจจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจอังกฤษที่อ่อนแอ ทางด้านหุ้นบริษัทโวดาโฟนและ CRH พุ่งขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากรายงานธุรกิจในทางบวก

- ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐร่วงลง 8.69 ดอลลาร์ สู่ 1,322.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันศุกร์ ในขณะที่หลายประเทศมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้

- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการรูดลง 4 % จากสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากมีรายงานระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และรายงานนี้ทำให้นักลงทุนกังวลกับภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดโลก ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 56 เซนต์ หรือ 1.3 % มาปิดตลาดที่ 44.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล