ลุยหา 'ตัวการใหญ่' ร่างรธน.เก๊ เชื่อโยงนักการเมืองท้องถิ่น

ลุยหา 'ตัวการใหญ่' ร่างรธน.เก๊ เชื่อโยงนักการเมืองท้องถิ่น

ตำรวจภาค5 เร่งขยายผลคดีร่างรธน.เก๊ หาตัวการใหญ่ เชื่อเชื่อมโยงนักการเมืองท้องถิ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ตำรวจภูธรภาค 5 สนธิกำลังทหารและกรมการปกครอง แถลงข่าวจับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูนและจ.เชียงรายนั้น สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 2 ราย คือ นายพงศ์พันธ์ จีระวัง ในคดีแจกจ่ายใบปลิว ระบุข้อความ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ 7 ส.ค. Vote No!” โดยสามารถจับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 129 ม.5 ต.บ้านธิ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน และนายวิศรุต คุณะนิติสาร อายุ 35 ปี คดีแจกจ่ายจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญตามตู้ไปรษณีย์ในเขตพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ได้ที่ห้องเลขที่ 793/97 ลาดพร้าว 101 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตบางทองหลาง กรุงเทพฯ หลังพยายามหลบหนี โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 รายเกี่ยวข้องกับกระทำการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตาม พ.ร.บ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 61 (1), วรรค 2

พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า จากการแถลงผลเมื่อช่วงวานที่ผ่านมา( 23 ก.ค.)จนถึงวันนี้ ทีมชุดสืบสวนและพิสูจน์หลักฐานของ ตำรวจภูธรภาค 5 ยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยการค้นข้อมูลจากหลักฐานที่ได้ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 5 เครื่อง , จ่าหน้าซองไปรษณีย์ถึงบุคคลต่างๆ หรือคำให้การจากผู้ต้องหาถึงตัวการสำคัญสำหรับการก่อความวุ่นวายในครั้งนี้

สำหรับคดีเรื่อง พ.ร.บ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 61 (1), วรรค 2 นั้น แบ่งได้เป็น 2 คดีหลัก คือ คดีที่ 1 เป็นของนายพงศ์พันธ์ จีระวัง ในคดีแจกจ่ายใบปลิว ระบุข้อความ “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ 7 ส.ค. Vote No!” ที่ได้มีการซุกใบปลิวไว้ตามที่ปัดน้ำฝนรถยนต์และท้ายรถจักรยานยนต์บริเวณห้างสรรพสินค้าพันธ์ทิพย์พลาซ่า อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบว่ามีผู้ร่วมขบวนการ 2 ราย แต่มีการออกหมายศาลจับเพียง 1 รายเท่านั้นคือ ตัวนายพงศ์พันธ์ ขณะที่อีก 1 รายเป็นผู้หญิง มีส่วนร่วมในการก่อความผิด ศาลยังไม่ได้ออกหมายอนุมัติจับ และคาดว่าคดีที่ 1 นี้คงจบในเร็ววัน

ส่วนคดีที่ 2 ซึ่งเป็นคดีสำคัญที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากเกี่ยวโยงกับนักการเมืองท้องถิ่นในเขตพื้นที่จ.เชียงใหม่ ลำพูนและลำปาง โดยพบจดหมายบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญที่ไปรษณีย์ต่างๆ กว่า 11,181 ฉบับ ในห้างระหว่างวันที่ 12-15 ก.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งนำมาขยายผลจนสามารถจับกุมนายวิศรุต คุณะนิติสาร อายุ 35 ปี ซึ่งพบว่าเป็นบุคคลเดียวกับในกล้องวงจรปิดที่ได้นำซองจดหมายไปหย่อนตามตู้ไปรษณีย์ต่างๆ โดยเมื่อช่วงวานได้มีการค้นบ้านของนายวิศรุต คุณะนิติสาร ที่บ้านเลขที่ 11 ม.1 ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พบหลักฐานคือ เสื้อผ้า รองเท้า รถจักรยานยนต์ กระเป๋าเป้และหมวกนิรภัยคล้ายกับในภาพกล้องวงจรปิด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนตัวของนายวิศรุต หลบหนีไป แต่ก็สามารถจับกุมได้ที่กรุงเทพมหานคร

ขณะเดียวกันนั้น ในวันเดียวกันก็ได้มีการค้นบริษัท เชียงใหม่ทัศนาภรณ์ จำกัด ถ.เชียงใหม่-สันกำแพง ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกันกับบ้านของนายวิศรุต พบของกลางจำนานมากที่เกี่ยวข้องกับการบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นซองจดหมาย เครื่องปริ๊นเตอร์ คอมพิวเตอร์ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการบิดเบือนเนื้อร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมกันนี้ยังได้บุกค้นไปยังส่วนราชการที่เทศบาลตำบลช้างเผือก และบ้านนายคเชน เจียกขจร นายกเทศมนตรีตำบลช้างเผือก พบเอกสารบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ โดยสำหรับนายคเชนนั้น สืบทราบว่า มีศักดิ์เป็นหลานเขยของนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ของตระกูล “บูรณุปกรณ์” จากการรายงานข่าวทราบว่า ขณะนี้นายบุญเลิศอยู่ระหว่างพำนักในต่างประเทศ

โดยสำหรับเรื่องจดหมายการบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญคาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการเมือง เนื่องจากนายวิศรุต เป็นคนของนักการเมือง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่าเป็นใคร ฝ่ายไหน ซึ่งก็ต้องเฝ้าติดตามกันต่อไป และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานกันอย่างเต็มที่เสียก่อน ส่วนใครที่ทำผิด ต้องดำเนินการตามกฎหมาย