Daily Market Outlook (22 ก.ค.59)

Daily Market Outlook (22 ก.ค.59)

พักฐาน

คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวในกรอบแคบแนวโน้มเป็นลบ ดูเหมือนความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจะหดหายไปหลังจากหุ้นสหรัฐถอยหลังจากที่เพิ่งทำจุดสูงสุดใหม่ไป และราคาน้ำมันร่วงจากกลับมากลัวน้ำมันล้นตลาดอีก อย่างไรก็ตามประเด็นมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มยังคงอยู่ ECB คงดอกเบี้ยเมื่อวานแต่มาริโอ ดรากี้ กล่าวว่า พร้อมออกมาตรการใหม่ หลังประเมินผลกระทบ Brexitในเดือนกันยายน แม้คุโรดะ ผู้ว่า BOJ จะปฏิเสธนโยบายโปรยเงินจากเฮลิคอปเตอร์ แต่บอกว่าญี่ปุ่นมีมาตรการกระตุ้นอีกมากมายยังไม่ได้ใช้ ภายในประเทศรัฐบาลยังแสดงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเร่งโครงการต่างๆ ในขณะที่ธนาคารกำไรลดลงในไตรมาส 2 ถือว่าไม่ผิดคาดเพราะธนาคารตั้งสำรองเต็มพิกัดในช่วงแรกของปี คาดว่าจะลดลงในครึ่งหลังของปีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ


หุ้นเด่นวันนี้:DELTA (Bt73.00; NR; 16TP Bloomberg Bt74.50)

บมจ.เดลต้าอีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) เป็นหุ้นเด่นวันนี้เนื่องจากเป็นผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกด้านชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์พาวเวอร์ซัพพลายระบบบริหารจัดการพลังงานซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่จะหนุนจากกระแสรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงจะได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐกำไรสุทธิของบริษัทหนุนโดยผลิตภัณฑ์ชั้นสูงที่ให้มาร์จิ้นที่สูงซึ่งผลิตให้แก่ประเทศพัฒนาแล้วนอกจากนี้บริษัทมุ่งเน้นที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่เช่นอาเซียนและอินเดียที่ซึ่งมีโอกาสและอุปสงค์รองรับซึ่งDELTA ได้ลงทุนตั้งศูนย์วิจัยและโรงงานผลิตในภูมิภาคเหล่านี้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ยี่ห้อตนเพื่อผู้ใช้ปลายทางในประเทศนั้นๆโดยตรงบริษัทยังให้บริการเชิงโซลูชั่นด้านพลังงานอีกด้วยลักษณะธุรกิจของบริษัทมีการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถยนต์ซึ่งมีอุปสงค์รองรับต่อผลิตภัณฑ์ระบบควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์สูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกรถระดับบนที่น่าจะถูกกระทบโดยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวน้อยกว่าจากค่าเฉลี่ยการคาดการณ์ที่สำรวจโดยBloomberg แม้กำไรของDELTA น่าจะหดตัว 6% สำหรับปีนี้แต่คาดว่าจะฟื้นตัวแรง 90% ในปีหน้า

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ม.44 เพื่อช่วยสายสีน้ำเงินนายกฯได้ใช้มาตรา 44 เพื่อช่วยเร่งการเจรจาระหว่างรถไฟความเร็วสูงและผู้ดำเนินการสายสีน้ำเงินเพื่อดำเนินการส่วนต่อขยายคือบางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแคเพื่อแก้ปัญหาการไม่เชื่อมต่อกันของสถานีเตาปูน-บางซื่อแม้ยังไม่ได้เลือกบริษัทที่จะมาทำส่วนขยายนี้แต่ก็ตกลงว่าจะเจรจากับBEM (Bangkok Post) ความเห็น: การเร่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อBEM เพราะเป็นบริษัทที่จะได้สิทธิดำเนินการส่วนต่อขยายนี้

• กำไรกลุ่มธ.พ. งวด 2Q59 ลดลง 1.63%YoYมาอยู่ที่ 5.2 หมื่นลบ.หลักๆ มาจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้นโดยเฉพาะในธ.พ. ใหญ่ๆ อาทิ BBL (ราคาปิด 171.50 บาท ซื้อ ราคาเป้าหมาย 188.00 บาท) KBANK (ราคาปิด 182.00 บาท ซื้อ ราคาเป้าหมาย 203.00 บาท) KTB (ราคาปิด 16.90 บาท ซื้อ ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท) และ SCB (ราคาปิด 149.50 บาท ถือ ราคาเป้าหมาย 152.00 บาท) (SET)ความเห็น: การอ่อนตัวลงของผลประกอบการกลุ่มฯ ถือว่าอยู่ในความคาดหมายของเราอยู่แล้วที่จะเกิดการตั้งสำรองจำนวนมากในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งคาดการตั้งสำรองจะลดลลงในช่วงครึ่งปีหลังสอดคล้องไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

• TRUE(ราคาปิด 9.10 บ.) ซึ่งได้สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวนับตั้งแต่ปี 2557 ในการขายสินค้า Pokemonและพัฒนาวิดีโอเกม Pokemonในเวอร์ชั่นประเทศไทย วางแผนที่จะเปิดตัวแผนเกี่ยวกับเกม Pokemon Go ในประเทศไทยช่วงเดือน ก.ย. ที่จะถึงนี้ ซึ่ง TRUE มีมุมมองเชิงบวกและคาดว่าจะเห็นการบริโภคและใช้ข้อมูลของกลุ่มลูกค้าอย่างมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (Bangkok Post)

ต่างประเทศ

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะยาวลดลงจากระดับสูงสุดในช่วงหลายสัปดาห์เมื่อวันพฤหัส ตามการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐเนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ราคาพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 5/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.561% ลดลงจาก 1.580% เมื่อวันพฤหัส ส่วนราคาพันธบัตรประเภทอายุ 30 ปีทรงตัว อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 2.296% (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์เทียบกับเงินเยนเมื่อวันพฤหัส หลังจากนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปฏิเสธที่จะใช้นโยบาย "helicopter money" หรือการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบการเงิน ก่อนหน้านี้นักลงทุนคาดว่า BOJ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบหนึ่งในการประชุม BOJ ในสัปดาห์หน้า เงินเยนแข็งค่าขึ้นอยู่ที่ระดับ 105.41 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐก่อนปิดอยู่ที่ระดับ 106.42 เยน เพิ่มขึ้น 0.4% (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันพฤหัส โดยดัชนี S&P500 และดัชนีดาวโจนส์ (DJIA) ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทอินเทล และบริษัทในอุตสาหกรรมการบินได้หยุดแนวโน้มของฤดูกาลการประกาศผลประกอบการซึ่งที่ผ่านมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ (Reuters)

• คาดกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนดีขึ้น กำไรสุทธิไตรมาส 2/59 ของบริษัทจดทะเบียนที่ใช้ในการคำนวนดัชนี S&P500 คาดว่าจะลดลง 3.3% YoYดีกว่าประมาณการเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ที่คาดว่าจะลดลง 4.5% และคาดว่าจะลดลง 3.8% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จากข้อมูลของทอมสัน รอยเตอร์ส I/B/E/S (Reuters)

• รัฐบาลสหรัฐคาดว่าจะเผยแพร่รายงานในสัปดาห์หน้าว่าเศรษฐกิจขยายตัวที่ระดับ 2.6% ต่อปีในไตรมาส 2/59 ขยายตัวในอัตราเร่งจากการขยายตัวที่ระดับ 1.1% ในไตรมาส 1/59 (Reuters)

• จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 253,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำสุดนับแต่เดือนเม.ย. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการฯ จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 265,000 ราย ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายซึ่งหมายถึงตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง อยู่ในระดับนี้ 72 สัปดาห์ติดต่อกัน ยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 2516 (Reuters)

• ยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 ปีในเดือนมิ.ย. เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำได้จูงใจผู้ที่ซื้อบ้านเป็นครั้งแรกเข้ามาในตลาดมากขึ้น สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่ายอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 1.1% อยู่ที่ระดับ 5.57 ล้านยูนิตในเดือนก่อน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2550 ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 4 เดือนติดต่อกันและเพิ่มขึ้น 3% YoY นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายฯ ลดลงอยู่ที่ระดับ 5.48 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. (Reuters)

• กิจกรรมด้านการผลิตหดตัว แต่คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น กิจกรรมด้านการผลิตในย่านมิดแอตแลนติกหดตัวในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการส่งสินค้าบ่งชี้ว่าช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดของการผลิตอาจสิ้นสุดแล้ว Fed สาขาฟิลาเดเฟียเปิดเผยว่าดัชนีทางธุรกิจลดลงอยู่ที่ -2.9 ในเดือนนี้จากที่ระดับ 4.7 ในเดือนมิ.ย. ดัชนีย่อยของคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 11.8 ในเดือนนี้จากที่ระดับ -3.0 ในเดือนมิ.ย. โดยการส่งสินค้าดีดกลับอยู่ที่ระดับ 6.3 จาก -2.1 ในเดือนมิ.ย. (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีปรับตัวลดลง นำโดยการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มสายการบินหลักๆ หลังจาก Lufthansa ซึ่งเป็นบริษัทเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนีกล่าวเตือนถึงแนวโน้มผลประกอบการ อย่างไรก็ตามตลาดยังได้แรงหนุนชดเชยบางส่วนจากหุ้นกลุ่มธ.พ. บนความคาดหวังจากสัญญาณความช่วยเหลือจาก ECB(Reuters)

• ECB คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เช่นเดิม แต่กล่าวถึงโอกาสในการขยายมาตรการกระตุ้นในอนาคต โดยอ้างถึงความเสี่ยงและภาวะความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่มาก (Reuters)

เอเชีย:

• ผู้ว่า BOJ ปฏิเสธที่จะใช้นโยบาย "Helicopter money"โดยให้เหตุผลว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมาตรการอื่นๆ รองรับอยู่แล้วที่จะผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมถ้าจำเป็น โดยมองว่าควรจะเป็นการใช้มาตรการทางการคลังแบบขาดดุลเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจชะงักงัน (Reuters)

• โพลล์สำรวจ Reuters ชี้การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนคาดจะชะลอตัวลงเหลือ 6.5% ปีนี้ ซึ่งเป็นกรอบล่างของเป้าหมายการเติบโตของรัฐบาลจีน และจะลดลงเหลือ 6.3% ในปี 2560 อย่างไรก็ตามความกังวลว่าเศรษฐกิจจะทรุดตัวฉับพลันได้บรรเทาลงด้วยความพยายามของรัฐบาลในการเร่งใช้จ่ายงบประมาณและการผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันร่วง 2% เมื่อวันพฤหัสฯ เนื่องจากข้อมูลของสำนักสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่าสินค้าคงคลังและสินค้าน้ำมันอื่นๆ ผลักดันให้ปริมาณน้ำมันในสหรัฐฯอยู่ในระดับสูง ทำให้ราคาเบรนท์ลงลง 97 เซนต์ (-2.1%) อยู่ที่ 46.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าสหรัฐฯลดลง 1 ดอลลาร์ (-2.2%) อยู่ที่ 44.75 ดอลลาร์ (Reuters)

• ราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดีฟื้นตัว 1% จากจุดต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ฯ และการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นหลังจาก ECB ตัดสินใจคงมาตรการทางการเงินไว้เช่นเดิม โดยราคาทองคำตลาดจรปรับตัวสูงขึ้น 1.1% มาอยู่ที่ 1,329.90 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ (Reuters)