ไนกี้ เผยโฉม “มาจิสต้า 2”

ไนกี้ เผยโฉม “มาจิสต้า 2”

ไนกี้ เผยโฉม “มาจิสต้า 2” รองเท้าสายพันธุ์คอนโทรลรุ่นใหม่ล่าสุด

ไนกี้  เปิดตัวมาจิสต้า 2 นวัตกรรมรองเท้าฟุตบอล ที่มีจุดเด่นในด้านการสัมผัสบอลจากการปรับปรุงโครงสร้างหน้าผ้าฟลายนิต และตอบโจทย์การยึดเกาะและเคลื่อนไหวทุกทิศทางจากการดีไซน์ชุดปุ่มสตั๊ดแบบใหม่
จากคำถามที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากรองเท้าฟุตบอลของเรามีวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติและได้สรรสร้างขึ้นสำหรับการเล่นฟุตบอลโดยเฉพาะ? ซึ่งคำถามนี้เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของไนกี้ที่พร้อมจะมุ่งมั่นในการคิดค้นและพัฒนารองเท้าสตั๊ดรุ่นมาจิสต้า 2 ด้วยการผสานแนวคิดทางวิทยาศาสตร์เข้ากับแบบจำลอง 3 มิติ เพื่อให้ได้รองเท้าฟุตบอลที่มีความโดดเด่นในด้านการสัมผัสบอล และมีประสิทธิภาพในการยึดเกาะที่เหนือชั้นไปอีกระดับ
ฟิล วู้ดแมน นักออกแบบผลิตภัณฑ์ของไนกี้ ฟุตบอล อธิบายว่า "หลังจากที่ได้ศึกษางานวิจัยด้านวิวัฒนาการและรูปร่างลักษณะต่างๆ ทำให้ผมเกิดสมมุติฐานว่าลักษณะความสากของบริเวณฝ่ามือ เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทางวิวัฒนาการที่ทำให้การจับวัตถุบนพื้นผิวที่เปียกลื่นสามารถจับกระชับได้เป็นอย่างดี ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ทำให้ผมมาคิดต่อยอดว่า ดังนั้นถ้าหากเราต้องการให้เท้าของมนุษย์เอื้ออำนวยต่อการเล่นฟุตบอลให้ดีมากยิ่งขึ้น เราจะมีวิธีการอย่างไรบ้าง”

หลังจากนั้นวู้ดแมนได้ทำงานร่วมกับทีมวิจัยผลิตภัณฑ์กีฬาของไนกี้ เพื่อค้นหาว่าส่วนไหนของบริเวณเท้าที่มีการตอบสนองในขณะที่เท้าสัมผัสลูกฟุตบอลได้ดีที่สุด โดยเขาได้นำข้อมูลจากลักษณะโครงสร้างของเท้ามนุษย์มาศึกษาร่วมกับแผ่นภาพแสดงความร้อนหรือ Heat map เพื่อวิเคราะห์ว่า มีจุดใดของเท้าบ้างที่ไวต่อการตอบสนอง และสามารถเตะลูกบอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนควบคุมลูกฟุตบอลได้เป็นอย่างดี ซึ่งวู้ดแมนยังได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนาโครงสร้างรองเท้าเข้ากับเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เพื่อให้ได้รองเท้าที่มีรูปทรงที่ดีที่สุด โดยรูปทรงของรองเท้ามาจิสต้า 2 จะมีความแตกต่างจากมาจิสต้ารุ่นแรกในส่วนของพื้นผิวรองเท้า ซึ่ง วู้ดแมน ก็ได้อธิบายไว้เพิ่มเติมว่า “เราทำการออกแบบตัวรองเท้าของมาจิสต้า 2 ให้มีความคล้ายคลึงกับรูปเท้าของมนุษย์มากที่สุด สำหรับพื้นผิวนั้นจะมีการทำรอยบากและมีความนุ่มเสมือนผิวหนังที่จะทำให้ผู้สวมใส่สัมผัสถึงลูกบอลได้ดียิ่งขึ้น”

ผิวสัมผัสที่นูนและเป็นร่องของรองเท้ามาจิสต้า 2 ยังคงมีปริมาณเท่ากับมาจิสต้ารุ่นแรก แต่ส่วนที่นูนมากที่สุดจะมีความหนา 4.5 ม.ม. เพื่อมอบความรู้สึกในการสัมผัสบอลที่เป็นธรรมชาติ และนอกเหนือจากการปรับปรุงในส่วนผิวสัมผัสแล้ว ทีมงานออกแบบของไนกี้ยังได้มีการปรับปรุงและพัฒนาในด้านอื่นๆ อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของไดนามิค ฟิต คอลลาร์ ที่มีการปรับรูปทรงให้สอดคล้องตามหลักกายวิภาคศาสตร์ โดยเฉพาะบริเวณของคอรองเท้าที่มีการปรับให้ยืดหยุ่นและถักทอให้หนาเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความทนทานและเข้ากับลักษณะของกระดูกข้อเท้ามากที่สุด ขณะที่ขอบของคอรองเท้าจะต่ำกว่ารองเท้ารุ่นแรกเพียงเล็กน้อย เพื่อมอบความรู้สึกในการสวมใส่ที่สบาย รวมถึงมีการเสริมวัสดุเข้าไปใต้บริเวณที่ผูกเชือกรองเท้า เพื่อเพิ่มการสัมผัสบอลที่ดี และเพื่อเป็นการเพิ่มความกระชับให้แก่เท้ามากยิ่งขึ้น รองเท้าสตั๊ดไนกี้ มาจิสต้า 2 ยังมีการเสริมวัสดุเพื่อประคองส้นเท้าด้านใน รวมถึงมีการพัฒนาพื้นรองเท้าด้านในแบบไนกี้ กริป เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงและการยึดเกาะพื้นสนามที่ดี

ส่วนการจัดวางปุ่มรองเท้าสตั๊ด ทางไนกี้ได้มีการปรับใช้เทคโนโลยี FEA (Finite Element Analysis) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะพื้นผิวสนามให้ดียิ่งขึ้น เพราะปัจจัยที่ส่งผลต่อการยึดเกาะนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปทรงของปุ่มสตั๊ดแต่เพียงอย่างเดียว แต่การจัดเรียงปุ่มสตั๊ดให้ทำงานสอดคล้องกันยังเป็นสิ่งที่ทำให้การยึดเกาะมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยเฉพาะการที่ไนกี้ได้ออกแบบให้มีปุ่มสตั๊ดทรงเชฟร่อนใต้บริเวณนิ้วเท้า และมีปุ่มสตั๊ดแบบผ่าครึ่ง ผ่าด้านข้าง รวมทั้งผ่าแยกตรงกลาง เพื่อเอื้ออำนวยต่อการเพิ่มความเร็วของนักเตะ ขณะเดียวกันยังมีปุ่มสตั๊ดตรงส้นเท้าที่ถูกดีไซน์ให้ช่วยตอบสนองการยึดเกาะสนามและหยุดเคลื่อนที่ได้อย่างทันที โดยที่พื้นรองเท้าทั้งหมดจะมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นที่แล้วถึง 60 กรัม

ในส่วนของสีสันที่ใช้ในรองเท้าฟุตบอลมาจิสต้า 2 นั้น ก็ไม่ได้ใช้แต่เพียงสีที่มีความร้อนแรงจากลักษณะของแผ่น Heat map เพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีพื้นผิวสัมผัสของตัวรองเท้าที่มีลักษณะที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ส่วนคอรองเท้าไล่ลงไปจนถึงปลายเท้าอีกด้วย

สำหรับรองเท้าฟุตบอลรุ่นมาจิสต้า 2 วางจำหน่ายที่ร้านอาริ ฟุตบอลคอนเซปต์สโตร์ ในราคา 10,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป