ตำรวจดัลลัสใช้หุ่นยนต์ปลิดชีพสไนเปอร์

นายไมค์ รอว์ลิ่งส์ นายกเทศมนตรีเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส และนายเจห์ จอห์นสัน รัฐมนตรีความมั่นคงภายในของสหรัฐฯ ระบุว่า มีแนวโน้มว่า นายมิคาห์ ซาเวียร์ จอห์นสัน วัย 25 ปี อดีตทหารในกองพลสำรองของกองทัพสหรัฐฯ ที่ซุ่มยิงตำรวจเสียชีวิตไป 5 นาย ในระหว่างการประท้วง “ชีวิตคนดำมีความสำคัญ” (Black Lives Matter) ในเมืองดัลลัส กระทำการเพียงลำพัง

ประธานาธิบดีบารัก โอบามา กล่าวประนามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นการโจมตีที่ต่ำช้า ไตร่ตรองไว้ก่อนและมุ่งร้ายต่อผู้บังคับใช้กฎหมาย ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการกระทำอันไร้สตินี้ จะต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ตามกระบวนการยุติธรรม

ผู้นำสหรัฐบอกด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นอีกครั้งที่ตอกย้ำเรื่องการควบคุมปืนในสหรัฐ หลังเกิดเหตุฆาตกรรมมาแล้วหลายครั้ง เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนมีอาวุธร้ายแรง การก่อเหตุร้ายมักกลายเป็นเรื่องร้ายแรงและสลดใจอยู่เสมอ สหรัฐจะต้องพิจารณาความเป็นจริงเหล่านี้ในเร็ว ๆ นี้ แต่เวลานี้ขอให้มุ่งความสนใจไปที่ผู้เคราะห์ร้ายและครอบครัวก่อน ด้านโฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ตัดประเด็นความเชื่อมโยงใดๆ ของเหตุการณ์ที่ซุ่มยิงที่ดัลลัส กับการก่อการร้ายทั้งในและต่างประเทศ

นยจอห์นสัน ยิงตำรวจไปถึง 11 นาย ในช่วงก่อนเวลา 21.00 น. ในระหว่างการชุมนุมประท้วงโดยสันติกรณีชายผิวดำถูกตำรวจยิงเสียชีวิตที่รัฐหลุยเซียน่าและรัฐมินนีโซตา ซึ่งทางการเชื่อว่า คนร้ายแผนมาอย่างดีก่อนลงมือก่อเหตุ ที่ทำให้ตำรวจ 7 นาย และพลเรือนอีก 2 คน ได้รับบาดเจ็บด้วย ก่อนที่เขาจะถูกสังหารโดยหุ่นยนต์ติดระเบิด เมื่อเวลา 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพฤหัสบดี หลังจากตำรวจใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงในการเจรจาแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ 

ก่อนจะเสียชีวิต ผู้ก่อเหตุได้ยิงต่อสู้กับตำรวจ ขณะปักหลักอยู่ที่โรงรถของเอล เซ็นโทร คอลเลจ และอ้างว่า วางระเบิดไว้ทั่วเมือง แต่หลังจากตำรวจกระจายกำลังออกค้นหา ก็ไม่พบว่ามีระเบิดแต่อย่างใด ซึ่งในระหว่างการเจรจา นายจอห์นสันบอกว่า เขาไม่พอใจที่ตำรวจยิงชายผิวดำไป 2 คน ก็เลยต้องการจะฆ่าคนผิวขาวโดยเฉพาะตำรวจ เพื่อเป็นการตอบโต้ ก่อนจะเป็นฝ่ายตัดบทไม่ยอมเจรจาอีกต่อไป