'เวลส์'คว่ำ'เบลเยียม' เข้ารอบรองชนะเลิศยูโร2016

'เวลส์'คว่ำ'เบลเยียม' เข้ารอบรองชนะเลิศยูโร2016

"มังกรแดง" เวลส์ ชนะ เบลเยียม 3-1 เข้ารอบรองชนะเลิศ ยูโร 2016 ไปพบกับโปรตุเกส 6 กรกฎาคมนี้

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 15 "ยูโร 2016" ที่ประเทศฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพ กลางดึกวันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม เป็นรอบก่อนรองชนะเลิศ คู่ 2 ที่สตาด ปิแอร์-โมรัว เมืองลีลล์ ระหว่าง "มังกรแดง" เวลส์ ที่ชนะ ไอร์แลนด์เหนือ 1-0 จากศึก "แบทเทิล ออฟ บริเทน" ในรอบก่อนหน้านี้ กับ "ปีศาจแดง" เบลเยี่ยม ที่สอนเชิง "แม็กยาร์" ฮังการี 4-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

ฝั่ง เวลส์ ยังใช้ชุดเก่งในระบบ 5-3-2 โดยมีเปลี่ยนจากนัดก่อนเพียงตำแหน่งเดียว คือส่ง ฮาล ร็อบสัน-คานู เข้ามายืนกองหน้าคู่กับ แกเรธ เบล แทนที่ แซม โวคส์ ขณะที่ เบลเยี่ยม ต้องเปลี่ยนแผงแบ็กโฟร์ ถึง 2 คน เนื่องจาก โธมัส แฟร์มาเลน ได้รับใบเหลืองสะสมครบ 2 ใบ ต้องพักแข่ง 1 นัดตามกฏ ส่วน แยน แฟร์ท็องเกน เจ็บข้อเท้าพักยาว มาร์ค วิลม็อตส์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติเบลเยียม จึงต้องส่ง จอร์แดน ลูคาคู ลงมายืนแบ็กซ้าย ขณะที่ เจสัน เดนาเยอร์ จะลงมายืนเซ็นเตอร์แบ็กคู่กับ โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ สำหรับตำแหน่งอื่น ใช้ชุดเดิมจากนัดก่อน โดยมี โรเมลู ลูคาคู เป็นกองหน้าตัวจบสกอร์ในระบบ 4-3-3

เริ่มเกมเพียง 5 นาที เบลเยียม เกือบขึ้นนำก่อน เมื่อมีโอกาสยิงถึง 3 ครั้งต่อเนื่องกัน ตั้งแต่จังหวะแรก ยานนิก การ์ราสโซ ได้ยิงบนเส้นกรอบ 6 หลา แต่ไปติดเซฟของ เวย์น เฮนเนสซี ผู้รักษาประตูเวลส์ ทว่าบอลกระดอนมาเข้าทาง โธมัส มูนิเยร์ แต่ก็ยิงไปโดนสกัดบนเส้นประตูอีก สุดท้ายบอลเบี่ยงไปหา เอดอง อาซาร์ ยิงซ้ำเป็นคนที่ 3 แต่ก็แฉลบออกหลังประตูไป

ทว่าการเข้าทำของ เบลเยียม ก็มาสัมฤทธิ์ผล เมื่อ รัดยา เนียงโกลัน มิดฟิลด์ตัวกลาง ยิงไกลจากระยะ 35 หลา ช่วยให้ เบลเยียม ออกนำ 1-0 นาที 13 และนับเป็นประตูที่ 2 ของ เนียงโกลัน มิดฟิลด์ตัวกลางเชื้อสายอินโดนีเซีย วัย 28 ปีผู้นี้ ในยูโร 2016

ต่อมา เวลส์ เกือบได้ประตูตีเสมอเร็ว เมื่อ นีล เทย์เลอร์ วิงแบ็กขวา ได้ยิงจากระยะ 10 หลา นาที 26 ทว่า ติโบต์ กูร์ตัวส์ ผู้รักษาประตูเบลเยียม พุ่งปัดออกไปได้

แต่เมื่อเกมผ่านมาถึงครึ่งชั่วโมง เวลส์ มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในที่สุด จาก แอชลีย์ วิลเลียมส์ เซ็นเตอร์แบ็กกัปตันทีม เติมเกมขึ้นมาโขกลูกเตะมุม นาที 31 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว

เริ่มครึ่งหลังกลับเป็น เวลส์ ที่ได้ประตูขึ้นนำเป็นครั้งแรกของเกม เมื่อ ฮาล-ร็อบสัน คานู กองหน้า จับบอลบริเวณ 10 หลา แล้วหลอกกองหลังคู่ต่อสู้ด้วยการดึงบอลกลับหลังก่อนยิงประตู ช่วยให้ เวลส์ แซงนำ 2-1 นาที 55

ทว่า แอรอน แรมซีย์ มิดฟิลด์ตัวกลางคนสำคัญของเวลส์ มาโดนใบเหลือง นาที 75 ดังนั้นหากจบเกม "มังกรแดง" เป็นฝ่ายชนะ แรมซีย์ มิดฟิลด์ตัวกลางวัยเบญจเพส จะไม่ได้ลงเล่นรอบรองชนะเลิศ เนื่องจากมีใบเหลืองสะสมครบ 2 ใบ ต้องพักแข่ง 1 นัดตามกฏ

ต่อมาประตูที่ 4 ของเกมก็เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ประตูตีเสมอของเบลเยียม หากแต่เป็นประตูที่ทำให้ เวลส์ นำห่าง 3-1 จากการโหม่งบนเส้นกรอบ 6 หลาของ แซม โวคส์ นาที 86 ทั้งที่กองหน้าวัย 26 ปีผู้นี้ เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาเพียง 3 นาทีเท่านั้น

จบ 90 นาที เวลส์ ชนะ เบลเยียม 3-1
ส่งผลให้รอบรองชนะเลิศ เวลส์ จะเข้าไปพบกับ โปรตุเกส ในคืนวันพุธที่ 6 กรกฎาคมนี้ ที่สตาด เดอ ลียง
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
เวลส์ : เวย์น เฮนเนสซี, คริส กันเทอร์, เบน เดวิส, แอชลีย์ วิลเลียมส์, เจมส์ เชสเตอร์, นีล เทย์เลอร์, แอรอน แรมซีย์ (เจมส์ คอลลินส์ น.90), โจ เลดลีย์ (แอนดี คิง น.78), โจ อัลเลน, แกเรธ เบล, ฮาล-ร็อบสัน คานู (แซม โวคส์ น.80)
เบลเยี่ยม : ติโบต์ กูร์ตัวส์, จอร์แดน ลูคาคู (ดรีส เมอร์เทนส์ น.75), เจสัน เดนาเยอร์, โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, โธมัส มูนิเยร์, อักเซิล วิทเซิล, รัดยา เนียงโกลัน, เอดอง อาซาร์, เควิน เดอ บรอยน์, ยานนิก การ์ราสโซ (มารูยาน เฟลไลนี น.46), โรเมลู ลูคาคู (มิชี บัทชูอายี น.83)